Soft Power คืออะไร ส่องนโยบาย Soft Power ในต่างแดน

Premier League
The Premier League trophy(Photo by Oli SCARFF / AFP)

ปลุกกระแส Soft Power กับการผลักดันภายใต้ “รัฐบาลเศรษฐา” แต่คนไทยยังขาดความเข้าใจ จนมีคำถามว่า Soft Power คืออะไร แล้วต่างประเทศมีนโยบายอะไรที่เรียกว่า Soft Power บ้าง

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ความหมายของซอฟต์พาวเวอร์ หรือภาษาอังกฤษ Soft Power หรือมานานุภาพ หรือพลังเย็น คือ อำนาจอ่อน สามารถดึงดูดและสร้างการมีส่วนร่วม โดยไม่ต้องบังคับหรือให้เงิน และส่งผล สร้างอิทธิพลต่อความคิดของสังคม ประชาชน อาศัยทรัพยากรพื้นฐาน 3 ประการ ได้แก่ วัฒนธรรม ค่านิยมทางการเมืองและนโยบายต่างประเทศ

โดยซอฟต์พาวเวอร์ เป็นทฤษฎีที่ถูกคิดค้นโดยศาสตราจารย์โจเซฟ ไนย์ (Joseph S. Nye) อาจารย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ก่อนจะเขียนหนังสือ Soft Power the Means to Success in World Politics จำหน่ายในปี 2004

ปัจจุบันต้องยอมรับว่า กระแส Soft Power ได้รับความสนใจและถูกกล่าวถึงมากขึ้น เนื่องจากเป็นรูปแบบการขยายอิทธิพล ที่ไม่ได้ใช้อำนาจบังคับขู่เข็ญเพื่อให้ใครหรือประเทศใดต้องยอมรับและปฏิบัติตาม

แต่เป็นการขยายอิทธิพลต่อความชอบและพฤติกรรมของภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อดึงดูดความต้องการของผู้อื่นให้เกิดการยอมรับด้วยความเต็มใจ ซึ่งหลายประเทศสามารถนำ Soft Power มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจได้

Advertisment

ส่องนโยบาย Soft Power ในต่างแดน

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ได้ติดตามนโยบายและแนวทางการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการใช้ Soft Power ที่น่าสนใจของประเทศต่าง ๆ รอบโลก เพื่อเป็นประโยชน์ในการนำมาต่อยอดประยุกต์ให้สอดรับกับบริบทของประเทศไทย

สนค.สนใจติดตามประเด็น Soft Power ในประเทศสำคัญ โดยพิจารณาจากประเทศที่มีความโดดเด่นและทรงพลังด้าน Soft Power จากผลการประเมิน Global Soft Power Index 2022 ของ Brand Finance บริษัทให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์แบรนด์ โดยวัดดัชนีในมิติต่าง ๆ

อาทิ ด้านเศรษฐกิจ การบริหารงานของรัฐบาล ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการแทรกซึมของสินค้า บริการ ค่านิยม แนวคิดของประเทศต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน พบว่า ประเทศที่ได้รับการจัดอันดับว่ามีอิทธิพลต่อคนทั่วโลก อันดับที่ 1-6 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี จีน ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส ตามลำดับ สำหรับไทย อยู่อันดับที่ 35 จาก 120 ประเทศ

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญกับการใช้ Soft Power ในการเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันระยะยาวในภาคการค้าระหว่างประเทศของไทยในเวทีสากล ผ่านกลไกการทำงานของหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ทั้งในและต่างประเทศ โดยบูรณาการร่วมกับภาคเอกชน เพื่อช่วยสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการไทย ให้สามารถนำจุดแข็งด้านความโดดเด่นทางศิลปวัฒนธรรม เอกลักษณ์ของวิถีชีวิตและความเป็นไทยด้านต่าง ๆ มาปรับใช้กับสินค้าและบริการ

Advertisment

ทั้งนี้ เพื่อผลักดัน Soft Power ของไทย ให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ อาทิ การจัดงานแสดงสินค้าไทยในต่างประเทศ เพื่อเผยแพร่ความเป็นไทยสู่เวทีนานาชาติ โครงการรางวัลสินค้าไทยที่มีการออกแบบดี (DEmark Award) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในธุรกิจบริการออกแบบ และใช้การออกแบบเป็น Soft Power มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจและโครงการนำเทคโนโลยี AI และ Blockchain ช่วยพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญา ในกีฬามวยไทย เพลงไทย และสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของไทย

สหรัฐอเมริกา Soft Power

สหรัฐอเมริกา มีการใช้ Soft Power ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ Hollywood ที่สร้างให้ American Pop Culture เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก ผ่านแนวเพลง แฟชั่น วิถีชีวิต และแนวคิด ที่ใส่ลงไปในภาพยนตร์ ทั้งนี้ สมาคมภาพยนตร์แห่งอเมริกาเปิดเผยว่า ที่ผ่านมา Hollywood สามารถทำรายได้ให้กับรัฐกว่า 2.06 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีมูลค่าส่งออก Hollywood Content ไปทั่วโลก 1.65 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

อังกฤษ Soft Power

สหราชอาณาจักร ซึ่งรวมถึงอังกฤษ เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงทางด้านฟุตบอลมาอย่างยาวนาน มีการก่อตั้งลีกฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดของโลก ตั้งแต่ปี 1888 ในลีกการแข่งขันที่ชื่อว่า “Football League” จนในปี 1992 ได้พัฒนามาเป็นลีกที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในปัจจุบันอย่าง “Premier League” ซึ่งทำรายได้อย่างมหาศาลให้กับอังกฤษ

โดยกรมการค้าระหว่างประเทศของอังกฤษให้ข้อมูลว่า ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา (ปี 1992-2022) Premier League มีการจ้างงานในอังกฤษมากกว่า 100,000 ตำแหน่ง ซึ่งในปี 2020 มีมูลค่าจากการถ่ายทอดการแข่งขันทั่วโลกประมาณ 1.4 พันล้านปอนด์

เยอรมนี Soft Power

เยอรมนี เป็นประเทศที่ให้การสนับสนุนและโอกาสทางการศึกษา โดยได้ให้ทุนการศึกษาและทุนวิจัยกับผู้คนทั่วโลก ประกอบกับเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนวัตกรรม จึงทำให้เป็นจุดดึงดูดให้นักเรียนจากชาติต่าง ๆ มาเรียนต่อในเยอรมนี ถือเป็นการสร้างเครือข่ายทั่วโลกไปโดยปริยาย

จากข้อมูลขององค์กรแลกเปลี่ยนทางวิชาการของเยอรมนี (German Academic Exchange Service) พบว่า ในปี 2021 เยอรมนีมีงบประมาณให้ทุนกว่า 630 ล้านยูโร มีนักศึกษาระดับปริญญาตรี โท เอก และนักวิจัยที่ได้รับทุนกว่า 134,906 คน โดยตั้งแต่ปี 1950-2021 มีผู้ได้รับทุนแล้วกว่า 1.66 ล้านคนทั่วโลก

จีน Soft Power

ในขณะที่จีน ดำเนินนโยบาย Soft Power ด้วยการสร้าง Friend of China ผ่านโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ที่เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงตลาดการค้าระหว่างจีน เอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ซึ่งไม่ใช่เพียงแต่การเชื่อมโยงทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) และภูมิเศรษฐศาสตร์ (Geoeconomics) เท่านั้น แต่ยังรวมถึงภูมิศาสตร์วัฒนธรรม (Geoculture) มีการคาดการณ์ว่า การขยายอิทธิพลของจีนด้วย BRI จะมีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า 152 ประเทศทั่วโลก และ GDP จะเพิ่มขึ้นถึง 160,000 ล้านหยวน ในปี 2030

ญี่ปุ่น Soft Power

สำหรับญี่ปุ่น ปฏิเสธไม่ได้ว่าการ์ตูนมังงะ (Manga) หลายเรื่องเป็นที่รู้จักและคุ้นเคยของนักอ่านการ์ตูนทั่วโลก อาทิ ดราก้อนบอล นารุโตะ วันพีซ และสแลมดังก์ ญี่ปุ่นใช้ความโด่งดังของมังงะเป็น Soft Power สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศจากการผลิตเป็นสิ่งพิมพ์ ดิจิทัล อนิเมะ และต่อยอดไปผลิตเป็นสินค้าจำนวนมาก ซึ่งแม้ว่าธุรกิจอื่น ๆ จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 แต่รายได้ของมังงะในปี 2021 ทั้งแบบสิ่งพิมพ์และดิจิทัลในประเทศญี่ปุ่น กลับสูงถึง 6.76 แสนล้านเยน เพิ่มขึ้นจากปี 2020 ถึงร้อยละ 10.3

ฝรั่งเศส Soft Power

ฝรั่งเศส มีชื่อเสียงด้านแฟชั่นชั้นสูงอย่างโอต์ กูตูร์มาอย่างยาวนาน ความประณีต ซับซ้อน และการจำกัดจำนวนของการตัดเย็บเสื้อผ้าโอต์ กูตูร์ ทำให้ราคาชุดมีมูลค่าที่สูงมาก ตั้งแต่ 100,000 ยูโร จนถึง 1 ล้านยูโร

นอกจากนี้ ยังมีเงื่อนไขสำคัญว่าการจะเป็นร้านเสื้อผ้าโอต์ กูตูร์ ต้องได้รับการรับรองจากสมาคมภายใต้การควบคุมของรัฐบาล และต้องมีห้องเสื้ออยู่ที่กรุงปารีสเท่านั้น จึงทำให้เกิดการดึงดูดให้มาลงทุนในฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น เกิดการแข่งขันในอุตสาหกรรมแฟชั่น และยังดึงดูดผู้ชมจากทั่วโลกให้มาสัมผัสประสบการณ์แฟชั่น เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สร้างเม็ดเงินมหาศาลให้กับฝรั่งเศส โดยรวมแล้วตลาดโอต์ กูตูร์ มีมูลค่าประมาณ 500 ล้านยูโร ทำให้โอต์ กูตูร์ กลายมาเป็นหนึ่งในแกนหลักของเศรษฐกิจฝรั่งเศส