ศรีตรังฯ ปี 2566 รายได้ 8.4 หมื่นล้าน เตรียมควักจ่ายเงินปันผล 1.00 บาทต่อหุ้น

วีรสิทธิ์ สินเจริญกุล

ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี ปี 2566 รายได้ 84,244.9 ล้านบาท ขาดทุนแต่เตรียมจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสม ด้วยอัตรา 1.00 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD วันที่ 18 เมษายนนี้ ล่าสุดคาดปี 2567 ฟื้นตัว รับดีมานด์กลุ่มประเทศนอนไชน่าเริ่มกลับมา เตรียมยาง 1.5 ล้านตัน รับเติบโต 15% จากปีก่อน หลังสัญญาณตลาดยางฟื้นตัวไตรมาส 4 

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจยางธรรมชาติครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลกและผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น โดย บริษัท ได้เตรียมความพร้อมการจัดการด้านวัตถุดิบเพื่อรองรับเป้าปริมาณการขายยางที่ 1.5 ล้านตัน หรือเติบโต 15% จากปีก่อน

ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยบวกจากราคายางธรรมชาติที่ปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี จากดีมานด์ในอเมริกาและยุโรปเริ่มฟื้นตัว โดยราคาเฉลี่ยยางแท่ง TSR 20 ณ ตลาด SICOM ในเดือนมกราคม 2567 อยู่ที่ 152.7 เซนต์ต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 5% จากราคาเฉลี่ย 145.4 เซนต์ต่อกิโลกรัมในเดือนธันวาคม ประกอบกับสถานการณ์อุปทานที่ดีขึ้นจากผลผลิตยางพาราที่เข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากได้รับผลกระทบจากเอลนีโญซึ่งทำให้ฤดูกาลเปิดกรีดล่าช้ากว่าปกติ

นายวีรสิทธิ์กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้รับการติดต่อจากลูกค้าในยุโรปที่มีความต้องการใช้ยางภายใต้ข้อกำหนดตามกฎหมาย EUDR ซึ่งจะต้องมาจากพื้นที่ปลอดการตัดไม้ทำลายป่าและสามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของยางได้

โดยปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมรองรับการตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของยาง ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์ม “Sri Trang Friends” หรือแอปพลิเคชั่นศรีตรังเพื่อนชาวสวน ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของผลผลิตยาง เพื่อให้ความมั่นใจแก่คู่ค้าและเป็นไปตามข้อกำหนดของ EUDR ที่จะเริ่มบังคับใช้ต้นปีหน้า โดย EUDR ถือเป็นอีกปัจจัยบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้

สำหรับผลประกอบการในปี 2566 รายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 84,244.9 ล้านบาท ลดลง 12.9% จากปี 2565 ที่มีรายได้ 110,656.7 ล้านบาท ชะลอตัวจากช่วงปีก่อน และมีผลขาดทุนสุทธิ 434.4 ล้านบาท เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้งจากเอลนีโญส่งผลกระทบต่อปริมาณและต้นทุนวัตถุดิบยาง รวมถึงปัจจัยกดดันด้านราคาขายถุงมือยางจากภาพรวมอุตสาหกรรมถุงมือที่ยังคงอยู่ระหว่างปรับเข้าสู่จุดสมดุล

ยอดขายในไตรมาส 4 ปี 2566 มูลค่า 21,709.1 ล้านบาท ลดลง 14.3% จากช่วงเดียวกันของปี 2565 อย่างไรก็ตาม หากเทียบรายไตรมาส เพิ่มขึ้น 28.6% ผลจาก ด้านปริมาณขายในไตรมาส 4/2566 ปรับเพิ่มขึ้นทั้งธุรกิจยางและถุงมือยาง

ทั้งนี้ เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติเสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาจ่ายเงินปันผลอัตรา 1.00 บาทต่อหุ้น โดยจ่ายจากกำไรสะสมส่วนที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งสุทธิจากผลขาดทุนสุทธิยกมาไม่เกิน 5 ปีก่อนรอบบัญชีปัจจุบัน เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 18 เมษายน 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 นี้