อคส. โละสต๊อกข้าวโพด-มันเส้น จำนำไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เร่งประมูลด่วน!

อคส.เร่งโละสต๊อกข้าวโพด-มันสำปะหลัง ค้างจากโครงการรับจำนำครบ 10 ปี ภายใน พ.ค.นี้ หวังลดภาระค่าจัดเก็บของรัฐบาล 144 ล้านบาทต่อปี

นางอินทิรา โภคปุณยารักษ์ ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า อคส.มีแผนจะเร่งระบายสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลังจากโครงการรับจำนำที่ยังคงค้างอยู่ในคลัง อคส. เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาล เนื่องจากสินค้าเกษตรที่อยู่ในคลัง อคส.นั้นเป็นสินค้าเกษตรที่อยู่ในโครงการรับฝากจำนำมาตั้งแต่ปี 2551/2552 จนถึงปัจจุบัน นับเป็นระยะเวลา 10 ปี

โดยในส่วนของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในสต๊อกของ อคส.ที่จะนำออกมาประมูลมีปริมาณ 94,000 ตัน ซึ่งเป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากโครงการจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2551/2552 ที่ยังคงเหลือ จำเป็นต้องนำออกมาประมูลให้หมด เนื่องจากมีภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาต่อเดือนประมาณ 7 ล้านบาท หรือ 84 ล้านบาทต่อปี

อินทิรา โภคปุณยารักษ์

ขณะมันเส้นทั้งหมดที่อยู่ในคลัง อคส. ปริมาณ 190,000 ตัน ซึ่งเป็นมันสำปะหลังที่มาจากโครงการตั้งแต่ปีการผลิต 2551/2552, 2554/2555, 2555/2556 มีภาระค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บประมาณ 5 ล้านบาทต่อเดือน หรือคิดเป็น 60 ล้านบาทต่อปี ซึ่งหากรวมค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาของสินค้าทั้งสองชนิดรวมกัน คิดเป็นมูลค่า 144 ล้านบาทต่อปี

สำหรับแนวทางในการระบายสินค้าทั้งสองชนิด นางอินทิรา กล่าวว่า เบื้องต้น อคส.นำมาเปิดประมูล โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดหลักเกณฑ์และขั้นตอนการเปิดประมูล (ทีโออาร์) สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะเร่งเสนอให้กับคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ซึ่งมีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ให้พิจารณาเห็นชอบการเปิดประมูล ส่วนมันสำปะหลังก็จะจัดทำหลักเกณฑ์ทีโออาร์เสนอให้กับคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง (นบมส.) ซึ่งมีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์พิจารณาเช่นกัน โดยเบื้องต้นคาดว่าจะสรุปหลักเกณฑ์ทีโออาร์ได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2561 หลังจากนั้นจะเปิดหลักเกณฑ์ทีโออาร์ในการประมูลต่อไป

“อคส.ต้องการจะเร่งระบายสินค้าเกษตรที่ยังคงเหลือออกจากคลัง ขณะนี้ก็พยายามเดินหน้าทำตามขั้นตอนของกฎหมายให้ดีที่สุด เพื่อป้องกันปัญหาและข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดผลกระทบขึ้น และส่งผลกระทบต่อ อคส. หรือเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการด้วย”

ด้านนายทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมชัย นายกสมาคมการค้าพืชไร่ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การประมูลข้าวโพดค้างในสต๊อกรัฐบาลครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาข้าวโพดในตลาด เพราะขณะนี้เกษตรกรทยอยเก็บเกี่ยวข้าวโพดไปเกือบหมดแล้ว โดยเฉพาะข้าวโพดหลังนา ซึ่งมีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกประมาณ 700,000 ไร่ ส่งผลให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในตลาดปรับตัวสูงขึ้นเป็น กก.ละ 10.30-10.50 บาท ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่ดีมาก จากปีที่ผ่านมาที่รัฐบาลกำหนดราคารับซื้อข้าวโพด กก.ละ 8.00 บาท

“ไม่กังวลว่าข้าวโพดเก่าจะไหลเวียนกลับมาสู่ตลาด เพราะตอนนี้ปริมาณข้าวโพดในตลาดมีน้อยมาก ข้าวโพดหลังนาก็เก็บเกี่ยวเกือบหมดแล้ว”

ส่วนการพิจารณาทบทวนการกำหนดสัดส่วนการรับซื้อข้าวโพดในประเทศ เพื่อการนำเข้าข้าวสาลี ซึ่งทางกลุ่มอาหารสัตว์เรียกร้องให้ลดลงจากเดิมกำหนดให้รับซื้อข้าวโพด 3 ส่วน เพื่อนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน ให้เหลือ 2 ส่วน เพื่อนำเข้าข้าวสาลี 1 นั้น ขณะนี้นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มอบให้คณะอนุกรรมการพิจารณาและกำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งมีนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธาน ให้ศึกษาถึงแนวทางการดำเนินการคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้