“CPF” ชูสวัสดิภาพไก่-หมู ได้มาตรฐานสากลปี 2028

แฟ้มภาพ

ซีพีเอฟตั้งเป้ายกระดับการเลี้ยงไก่เนื้อและหมูให้ได้ตามมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์สากลทั้งเครือทั่วโลกภายในปี 2020-2028 ชี้ก้าวข้ามมาตรฐานโลกด้วยการสร้างผู้เชี่ยวชาญด้านสวัสดิภาพสัตว์ปีก เพื่อต่อยอดองค์ความรู้และเผยแพร่แล้ว

น.สพ.ดำเนิน จตุรวิธวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสด้านสัตวแพทย์บริการวิชาการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ภายในปี 2025 บริษัทจะยกระดับการเลี้ยงสัตว์ตามหลักสวัสดิภาพสากลมีอิสระ 5 ประการในไทยให้เสร็จครบ 100% ส่วนที่เหลืออยู่ในขณะนี้คือ การปรับเปลี่ยนคอกขังเดี่ยวแม่พันธุ์สุกรอุ้มท้องในฟาร์มเดิมให้มาอยู่แบบคอกขังรวม ขณะที่ฟาร์มในต่างประเทศที่บริษัทไปลงทุนจะปรับเปลี่ยนให้แล้วเสร็จภายในปี 2028

“ปัจจุบันฟาร์มเลี้ยงสุกรของบริษัททั้งหมดเป็นโรงเรือนระบบปิดควบคุมอุณหภูมิด้วยการระเหยของน้ำ (EVAP) ทำให้สัตว์อยู่สุขสบาย ไม่เครียด การขนส่งจะให้สัตว์เดินไปตามทางเดินขึ้นรถ ไม่มีการไล่ตี ขนส่งไม่เกิน 8 ชม. ขณะที่บนรถจะมีระบบสปริงเกอร์พ่นน้ำเพื่อลดความร้อนและขนส่งในจำนวนที่เหมาะสม ส่วนฟาร์มคู่ค้า บริษัทได้จัดอบรมเป็นระยะ และต่อไปจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านสวัสดิภาพสัตว์คอยตรวจสอบฟาร์มด้วย ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นหลักประกันให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าจะได้รับอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัย”

ด้าน น.สพ.พยุงศักดิ์ สมยานนทนากุล รองกรรมการผู้จัดการด้านมาตรฐานการผลิตสัตว์ปีกและผู้เชี่ยวชาญสวัสดิภาพสัตว์ของซีพีเอฟ กล่าวว่า การดำเนินงานด้านสวัสดิภาพสัตว์ของธุรกิจไก่เนื้อซีพีเอฟในไทยได้ปฏิบัติตามหลักสวัสดิภาพสัตว์สากลมาตั้งแต่ปี 2543 และกำลังเร่งพัฒนาเจ้าหน้าที่สวัสดิภาพสัตว์ปีกขยายขอบเขตจากไทยครอบคลุมไปถึงต่างประเทศที่ซีพีเอฟลงทุนภายในปี 2563 เพื่อช่วยตรวจสอบและให้คำแนะนำด้านสวัสดิภาพสัตว์อย่างถูกต้อง

การเลี้ยงไก่เนื้อของซีพีเอฟในไทยมีการปฏิบัติตามมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์สากลตั้งแต่โรงเรือนระบบปิด (EVAP) ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ทำให้ไก่มีสุขภาพดี มีอิสระในการแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ ตามหลักการ 5 อิสระ (five free-dom) ผ่านการตรวจสอบการปฏิบัติที่ดีสม่ำเสมอและได้ใบรับรองจากบริษัทผู้ตรวจสอบชั้นนำของโลก

ปัจจุบันบริษัทกำลังสนับสนุนให้เกษตรกรที่ทำฟาร์มไก่เนื้อให้ดำเนินการตามหลักสวัสดิภาพสัตว์สากล ด้วยการถ่ายทอดเทคโนโลยีและความรู้ รวมถึงการฝึกอบรมให้เกษตรกรเข้าใจ เพื่อนำความรู้ไปใช้ในฟาร์มอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันได้ขยายผลต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่บริษัทลงทุน เช่น กัมพูชา สปป.ลาว และเวียดนาม ให้ปฏิบัติด้วยหลักการเดียวกัน เพื่อให้ได้เนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย

“เรายกระดับธุรกิจไก่เนื้อของซีพีเอฟสู่มาตรฐานระดับโลกแล้ว ซึ่งเราก้าวข้ามไปอีกขั้นในการสร้างผู้เชี่ยวชาญด้านสวัสดิภาพสัตว์ปีก เพื่อต่อยอดองค์ความรู้และเผยแพร่แนวทางปฏิบัติตามแนวทางการปฏิบัติตามแนวทางสวัสดิภาพสัตว์ได้ตามมาตรฐานสากลที่กำหนด อีกทั้งการปฏิบัติสวัสดิภาพสัตว์ที่ดีเป็นการสนับสนุนโครงการสุขภาพหนึ่งเดียวขององค์การอนามัยโลกทั้งสุขภาพคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม” น.สพ.พยุงศักดิ์กล่าว