“พี่” ขอเว้นภาษี 10% ช่วยจูง “น้อง” ทำตลาด

โครงการพี่ช่วยน้อง “Big Brother” ซึ่งเป็น 1 ใน 9 มาตรการของกระทรวงอุตสาหกรรม ในการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs โครงการดังกล่าวได้ภาคเอกชนที่ประสบความสำเร็จเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการชี้แนะการทำตลาดแบบชัดเจนที่สุด จาก Big Brother ทั้งไทยและต่างชาติมากกว่า 50 บริษัท

นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ผู้จัดการฝ่ายหน่วยงานพัฒนาตลาดธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลาย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC กล่าวว่า บริษัทได้เป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาความรู้เกี่ยวกับพลาสติก นำนวัตกรรมไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า แนะนำออกแบบให้ตรงต่อความต้องการ เช่น พัฒนาถุงทวารเทียมทดแทน การนำขยะพลาสติกให้ SMEs ไปแปรรูปเป็นสินค้าใหม่ (upcycling)

นางสาวอัจฉรา ปิ่ณฑะศิริ ผู้รับผิดชอบโครงการ บริษัท เถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไชส์ จำกัด หรือเถ้าแก่น้อยแลนด์ ให้คำปรึกษาพัฒนาสินค้าตามมาตรฐานที่กำหนด และเป็นที่ต้องการของตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีน SMEs สามารถนำสินค้ามาทดสอบตลาดได้ที่เถ้าแก่น้อยแลนด์ทั่วประเทศโดยไม่เสียค่าแรกเข้า

นายชลัช วงศ์สงวน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี สกิลส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด กล่าวว่า อย่างการออกแบบบรรจุภัณฑ์กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์จะเข้ามาช่วย การกระจายสินค้ากลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์เข้ามาช่วย การจัดส่งสินค้ากลุ่มธุรกิจเอ็กซ์เพรสเข้ามาช่วย

นายศักดิ์ชัย นุ่นหมิ่น เจ้าของธุรกิจบริษัท A cup of JOE เข้ามาช่วยด้านเกษตรแปรรูป พัฒนากรรมวิธีการปลูกกาแฟให้ได้คุณภาพเพื่อขายให้ได้ราคาที่เหมาะสม ให้คำปรึกษาแนะนำเทคนิคในการปลูกกาแฟ พร้อมทั้งกรรมวิธีการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับกาแฟจนสามารถทำราคาได้สูงขึ้นจาก 60 บาท /กก. เป็น 300 บาท/กก. และยังรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในพื้นที่

ทั้งนี้ กสอ. กำลังพิจารณาข้อเสนอจากภาคเอกชน ซึ่งต้องการให้บริษัท Big Brother ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีเป็นการจูงใจจากการลงทุน เช่น เถ้าแก่น้อยไม่เก็บค่าธรรมเนียมแรกเข้าคิดเป็นมูลค่า 50 ล้านบาท โดย 10% ของ 50 ล้านบาทนำมาหักค่าใช้จ่ายในการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เห็นชอบ จะนำเข้าที่ประชุม ครม.ต่อไป