กรมการค้าภายในเผยงานครบรอบ 98 ปี สถาปนากระทรวงพาณิชย์ กรมฯพร้อมเอกชนร่วมกันจัดลดสินค้าสูงสุด 80%

กรมการค้าภายใน เผยงานครบรอบ 98 ปี สถาปนากระทรวงพาณิชย์ กรมฯพร้อมเอกชนร่วมกันจัดลดสินค้าสูงสุด 80% ในทุกสาขาของห้างค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกที่ร่วมกิจกรรม เริ่มลดตั้งแต่ 17-23 ส.ค. 61 นี้ คาดช่วยลดค่าครองชีพ 6,000 ล้านบาท และมีเงินหมุนเวียนในระบบ 20,000 ล้านบาท

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายในร่วมมือกับภาคเอกชนร่วมกันจัดงานลดราคาสินค้า เนื่องในโอกาสวันสถาปนากระทรวงพาณิชย์ ครบรอบ 98 ปี หรือวันพาณิชย์ โดยการจัดลดราคาสินค้า จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 17-23 สิงหาคม 2561 เป็นระยะเวลา 7 วัน ซึ่งผู้ประกอบการ ห้างสรรพสินค้าที่เข้าร่วมจะมีการนำสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันมาลดราคาสูตั้งแต่ 5-80% โดยคาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะลดภาระค่าครองชีพประชาชนได้เฉลี่ย 30% หรือคิดเป็นเงินประมาณ 6,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี จะทำให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าในราคาประหยัด และได้สินค้าเพิ่มขึ้นรวมไปถึงยังจะสร้างบรรยากาศในระบบเศรษฐกิจให้ดีขึ้น มีเงินหมุนเวียน สำหรับรายสินค้าที่นำมาลดราคาในวันพาณิชย์นั้น ที่ร่วมกับภาคเอกชน อีกทั้งร่วมมือกับสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ มากกว่า 1.5 หมื่นสาขาทั่วประเทศ จำนวน 14 ราย ประกอบด้วย บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด (ท๊อปส์) บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน)

นอกจากนี้ ยังได้ร่วมือกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือเซเว่น อีเลฟเว่น บริษัท สรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง จำกัด บริษัท ฟู้ดแลนด์ซุปเปอร์มาร์เก็ต จำกัด บริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (จอยมาร์ทและเจซีช็อป)บริษัทเซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท จำกัด (แฟมิลี่มาร์ท) บริษัทสหลอว์สัน จำกัด (ลอว์สัน 108 และ 108 ช็อป) และบริษัท อิออน (ไทยแลนด์) จำกัด (แม็กซ์แวลู)

“ห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่และร้านค้าต่างๆจะมีการจัดรายการลดราคาจำหน่ายสูงสุด 80% เช่น หมวดสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม เช่น ข้าวสาร น้ำมันพืช นม UHT หมวดสินค้าของใช้ประจำวัน เช่น ยาสีฟัน สบู่ ผงซักฟอก หมวดสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น หม้อหุงข้าว ตู้เย็น ไมโครเวฟ หมวดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เช่น รองเท้า ชุดชั้นใน และหมวดสินค้าอื่นๆ เช่น ชุดเครื่องนอน เครื่องครัว เครื่องใช้ภายในบ้าน เป็นต้น” นายบุณยฤทธิ์ กล่าว

ส่วนสถานการณ์ราคาสินค้าขณะนี้ กรมฯยังติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มสินค้าสบู่ แชมพู ที่หากจะปรับขึ้นราคาตามขนาด ไซต์หรือสูตรใหม่ที่จำเป็นต้องมาขออนุญาติก่อนขึ้นราคานั้น เบื้องต้น พบว่ามีผู้ประกอบการเข้ามายื่นเรื่องประมาณ 10 ราย แต่ทั้งนี้ กรมฯไม่ได้มีการอนุมัติให้มีการปรับขึ้นราคาจากเหตุผลดังกล่าวแต่อย่างไร จึงประชาชาไม่ต้องกังวลกับสินค้าที่จะแพงขึ้น