จัดให้สวัสดิการแห่งรัฐใช้บัตรอุ้มค่าก๊าซ NGV-LPG

ก.พลังงาน สานต่อนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในโครงการประชารัฐปี 2 สมคิดสั่งลดค่าน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 อุ้มวิน-แท็กซี่ ลิตรละ 3 บาท และอุ้มดีเซลต่อพร้อมแผนรับมือราคาน้ำมันดิบโลกแตะ 90 เหรียญ/บาร์เรล

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชนและผู้มีรายได้น้อย ทางกระทรวงจึงสานต่อนโยบายภายใต้แนวทางการจัดประชารัฐสวัสดิการ การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรผู้มีรายได้น้อย ให้ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 45 บาท/3 เดือน สำหรับร้านที่ติดเครื่อง EDC แล้ว โครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2560 โดยมีวงเงิน 3,000 ล้าน/ปี

“การช่วยเหลือดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็น NGV (ก๊าซธรรมชาติ) ที่ใช้ในรถแท็กซี่ รถสาธารณะ วงเงิน 2,500 ล้านบาท และส่วนที่เป็น LPG (ก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือก๊าซหุงต้ม) วงเงิน 500 ล้านบาท/ปีหรือ 1,000 ล้านบาท/ปี”

พร้อมกันนี้ กระทรวงพลังงานยังได้รับมอบนโยบายจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้กระทรวงพลังงานและบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานต่าง ๆ ดูแลช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ทางกระทรวงการคลังได้เคยหารือไว้เพิ่มเติมในช่วงที่ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น โดยการลดราคาน้ำมันสำหรับรถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์รับจ้างที่ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไว้ ปัจจุบันมี 2-3 แสนรายที่มีการลงทะเบียนบัตรผู้มีรายได้น้อยกับกระทรวงการคลังไว้ก่อนหน้านี้ วงเงิน 300 ล้านบาท/6 เดือน หรือ 600 ล้านบาท/ปี

นอกจากนี้ ยังมอบนโยบายให้ส่งเสริมอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ (bioeconomy) โดยใช้จุดแข็งของ ปตท.ร่วมกับทางกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมทั้งให้ PTTOR ซึ่งทำธุรกิจด้านค้าปลีก (retail) คัดเลือกพื้นที่ในชุมชนสร้างเป็นจุดซื้อขายสินค้าท้องถิ่น โดยปั๊มจะทำหน้าที่เหมือนตลาด รูปแบบเป็น community โดยใช้ IOT (internet of things) เข้ามาเชื่อมโยง

Advertisment

“แนวทางช่วยเหลือต่าง ๆ จะเปิดและขอเชิญชวนให้ผู้ค้ามาตรา 7 เข้ามาร่วมโครงการเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งขณะนี้ ปตท.จะเป็นผู้นำร่องโครงการไปก่อนรายแรก” นายศิริกล่าว

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่ม ธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เบื้องต้นการช่วยเหลือดังกล่าวน่าจะช่วยได้ 3 บาท โดยกองทุนน้ำมันช่วย 2 บาท และผู้ค้าที่จะช่วยอีก 1 บาท หลังจากนี้ ต้องกลับไปหารือกันก่อน และจะสรุป คาดว่าจะช่วยในรูปแบบใดภายใน 3 เดือน ก็คือช่วงปีใหม่

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ยังช่วยแบกรับภาระในช่วงราคาน้ำมันเพิ่ม เพื่อลดผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนโดยการใช้ 2 มาตรการรองรับภาวะช่วงที่ระดับราคาน้ำมันตลาดโลกผันผวน และอาจปรับตัวขึ้นในระดับสูงผ่านกลไกการบริหารเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ในขณะนี้วงเงินประมาณ 24,592 ล้านบาท เพื่อดูแลราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร โดยกำหนดมาตรการไว้ 2 แนวทางได้แก่ 1.กรณีราคาน้ำมันดิบดูไบบวกลบ 85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หรือกรอบ 82.50-87.50 เหรียญ/บาร์เรล จะใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ดังกล่าวชดเชยดีเซลเพิ่มอีก 50 สต. จากปัจจุบันไม่เกิน 1 บาท/ลิตร เป็นระดับไม่เกิน 1.50 บาท/ลิตร ซึ่งจะส่งผลให้เงินกองทุนน้ำมันฯสามารถดูแลราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร ซึ่งหากราคาน้ำมันอยู่ระดับดังกล่าวจะใช้เงินกองทุนดูแลได้ถึงเดือน มี.ค. 2562 ในกรณีที่ราคาน้ำมันดิบดูไบไม่สูงขึ้นหรืออยู่ในระดับปัจจุบัน เงินกองทุนจะสามารถดูแลไปได้ถึงเดือน มิ.ย. 2562 ขณะเดียวกัน ยังรวมถึงการดูแลราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ที่ตรึงไว้ระดับ 363 บาท/ถัง 15 กิโลกรัม

กรณีที่ 2.เป็นกรณีฉุกเฉินที่อาจเกิดวิกฤตระดับราคาน้ำมันแพงในระยะสั้น ๆ หากราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นไปถึงระดับ 90 เหรียญ/บาร์เรล โดยจะเป็นมาตรการผสมผสานระหว่างเพิ่มเพดานการชดเชย การเพิ่มราคาขายปลีกดีเซลให้เกิน 30 บาท/ลิตร และหรือปรับลดภาษีสรรพสามิตดีเซลลง

Advertisment

ปัจจุบันสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับลดมาอยู่ระดับปกติ 82.95 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังซาอุดีอาระเบีย และรัสเซีย ออกมายืนยันสามารถเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันชดเชยปริมาณน้ำมันดิบที่อิหร่านผลิตน้อยลง หลังสหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรที่จะมีผลวันที่ 4 พ.ย.นี้ ส่งผลทำให้ตลาดคลายความกังวล