พาณิชย์ เผยโรงพยาบาลทยอยส่งข้อมูลยา เวชภัณฑ์มาอย่างต่อเนื่อง กำหนดสุดท้าย 4 เมษฯ 62 พร้อมสรุปข้อมูลทั้งหมด เสนอ กกร.หลังได้รัฐบาลใหม่ เตรียมเปิดเว็บไซต์ให้ประชาชนเข้ามาดูราคาได้
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาราคายาและเวชภัณฑ์ ค่าบริการรักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์และบิการอื่นๆของสถานพยาบาล เปิดเผยถึงความคืบหน้าหลังจากที่กรมฯได้ทำหนังสือถึงโรงพยาบาลเอกชนกว่า353 แห่ง ผู้ผลิตและผู้นำเข้ายาและเวชภัณฑ์และบริการทางการแพทย์อีก 339 ราย และร้านจำหน่ายยาขนาดใหญ่ ให้มีการแจ้งข้อมูลการซื้อ-ขายรวมถึงราคาซื้อขายมายังกรมภายในวันที่ 4 เมษายนนี้ ว่า ขณะนี้ยังอยู่ในระยะเวลาในการส่งข้อมูล เมื่อครบกำหนด กรมฯจะเปิดเผยรายชื่อโรงพยาบาลที่ส่งข้อมูลมาเพื่อให้สังคมได้รับทราบว่ามีโรงพยาบาลหรือสถานประกอบการไหนบ้างให้ความร่วมมือ ส่วนโรงพยาบาลหรือสถานประกอบการที่ไม่ทำการส่งข้อมูลก็จะดำเนินการติดตามต่อไป ส่วนจะทำอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณา
โดยหลังสงกรานต์ กรมฯจะมีการประชุมโครงสร้างของยาและเวชภัณฑ์ ซึ่งจะมีการเสนอมาตรการให้คณะอนุกรรมการ พิจารณามาตรการกำกับดูแลยา-เวชภัณฑ์-บริการทางการแพทย์ ซึ่งมีปลัดกระทรวงพาณิชย์พิจารณา โดยเบื้องต้นสำหรับมาตรการที่น่าจะออกมา เช่น 1. การสร้างความโปร่งใส ซึ่งต่อไปนี้ทางโรงพยาบาลจะต้องแสดงราคาและค่าบริการ ให้ชัดเจน เช่น ค่ายามีอะไรบ้าง ค่าบริการมีอะไรบ้าง ค่าเวชภัณฑ์มีอะไรบ้าง ไม่ใช่กำหนดรวบยอดมาครั้งเดียว
2.ราคายาจะต้องสอดคล้องกับต้นทุน เพื่อสามารถอธิบายให้กับผู้รับบริการได้
และ 3. ต้องการให้โรงพยาบาลมีการสั่งจ่ายยาโดยมีรายละเอียดที่ชัดเจนและครบถ้วน มีชื่อทั้งทางวิทยาศาสตร์และภาษาอังกฤษ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถพิจารณาว่าจะซื้อยาในโรงพยาบาลหรือ ร้านขายยาข้างนอก
นอกจากนี้กรมฯเตรียมจะเปิดเว็บไซต์สำหรับบอกรายละเอียดราคายา เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้ามาดูได้ในเว็บไซต์นี้โดยเฉพาะ เพราะที่ผ่านมาแม้ทางโรงพยาบาลจะมีการบอกราคายา แต่ผู้บริโภคแทบไม่เคยทราบหรือแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งต่อไปนี้ถ้าผู้บริโภคที่ต้องการทราบข้อมูลราคายา ก็สามารถเข้ามาดูได้ในเว็บไซต์ได้
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ให้ความสำคัญคือราคายาที่จะต้องติดตามดูแล ส่วนการเอาราคายาไปรวมกับค่าเวชภัณฑ์นั้น โรงพยาบาลจะต้องแยกให้ชัดเจน ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขเองได้มีการประกาศให้แสดงราคา ทั้งยาและเวชภัณฑ์แล้ว ซึ่งกระทรวงจะจริงจังในเรื่องนี้และเอาผิดหากโรงพยาบาลไม่ปฎิบัติตาม ส่วนค่าบริการนั้น โรงพยาบาลมีการบริการที่แตกต่างกันและหลายเกรด และโรงพยาบาลจะต้องไม่รวมเอาค่ายาและเวชภัณฑ์มาอยู่ในค่าบริการต้องแยกให้ชัด ทั้งนี้ สำหรับข้อมูลที่ได้และมาตรการ กรมฯจะเสนอให้ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.)พิจารณาต่อไป ซึ่งคาดว่าน่าจะต้องรอรัฐบาลใหม่เรียบร้อย