หอการค้าหวั่นการเมืองวุ่น ฉุดศก.ทรุดต่ำกว่า 3.5% เอกชนติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดหวั่นกระทบลงทุน-ท่องเที่ยว

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ทางการเมืองไทยขณะนี้ ถือเป็นตัวแปรสำคัญของเศรษฐกิจในไทยในปี 2562 เพราะหากการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่มีความยืดเยื้อ และมีการประท้วงบนท้องถนนเหมือนในอดีตที่ผ่านมา คาดว่าจะกระทบต่อภาพเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่า 3.5% เนื่องจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศอาจจะชะลอการลงทุน และนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะจีนและในประเทศเอเชียอาจยกเลิกการเดินทางเข้าในไทยทันทีจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะต้องยอมรับว่าการท่องเที่ยวถือว่าเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญของไทย

สำหรับการท่องเที่ยวสิ่งที่สำคัญคือความไม่วุ่นวายภายในประเทศ หากมีการความวุ่นวายจะมีผลทำให้นักท่องเที่ยวหลายๆ ประเทศ หรือนักท่องเที่ยวไทยเองยกเลิกแผนมาเที่ยวในไทยชั่วคราวและหันไปเที่ยวต่างประเทศ หรือประเทศอื่นๆ แทน ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ากังวลมาก เห็นได้จากในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 ที่นักท่องเที่ยวชะลอการเข้ามาเที่ยวในไทยจากเหตุการณ์เรือล่ม ก็ทำให้เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบอย่างมากเช่นกัน

สำหรับการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไทย หอการค้าคาดคาดขยายตัว 3.5-3.8% โดยมีเงื่อนไขสงครามการค้าโลกระหว่างสหรัฐ-จีนไม่ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้น รัฐบาลชุดใหม่ของไทยสามารถแถลงนโยบายได้ประมาณเดือนกันยายน 2562 รัฐบาลสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ภายในไตรมาสที่ 4 และหากการเมืองมีเสถียรภาพจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในปี 2563 อย่างแน่นอน ส่วนปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพและปริมณฑล รวมถึงภาคเหนือ สร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจไทยไปแล้ว 20,000-25,000 ล้านบาท หรือมีผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจหรือจีดีพีไทยไปแล้ว 0.1-0.2% อย่างไรก็ตาม แต่ช่วงกิจกรรมทางการเมืองก็มีเงินหมุนเวียน 30,000 ล้านบาท สามารถเข้ามาชดเชยได้

นายธนวรรธน์กล่าวอีกว่า หอการค้าไทยเผยผลสำรวจทัศนะต่อนโยบายของภาครัฐ ของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลชุดใหม่ที่ต้องการเร่งดำเนินการด่วนที่สุด เต็ม 10 คะแนน อันดับ 1 ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้ 8.36 คะแนน ปัญหาค่าครองชีพ สินค้าราคาแพง 8.31 คะแนน สร้างความสามัคคี ลดความขัดแย้ง 7.84 คะแนน เป็นต้น และนอกจากนี้ สินค้าอุปโภคที่ต้องการให้มีการปรับลด ควบคุมราคา เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง อาหารสด และอาหารทะเล อาหารสำเร็จรูป ยารักษาโรค เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าเกษตรที่ควรดำเนินการแก้ไขปัญหา เช่น ข้าว ยาพาราง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผลไม้ สินค้าปศุสัตว์ เป็นต้น