“ศิริ” รับมือเหตุการณ์เรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำถูกโจมตีในอ่าวโอมาน มั่นใจไม่กระทบไทย ชี้ยังมีสต๊อกน้ำมันดิบสำรองเหลือ 3,000 ล้านลิตร-LPG ครัวเรือน 117.89 ล้าน กก.
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีที่เรือบรรทุกน้ำมัน/เคมี 2 ลำ (เป็นเรือบรรทุกแนฟทา และเมทานอล) ถูกลอบโจมตีบริเวณอ่าวโอมาน เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา บริเวณที่ห่างจากชายฝั่งอิหร่านประมาณ 14 ไมล์ ระหว่างขนส่งสินค้าจากตะวันออกกลางไปยังสิงคโปร์และไต้หวัน จนส่งผลให้เกิดความกังวลเรื่องการขนส่งซึ่งอาจกระทบต่อปริมาณซัพพลายน้ำมันในตลาด ฉุดให้ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม นั้น ล่าสุดกระทรวงพลังงานได้ประชุมสอบทานปริมาณสต๊อกน้ำมันสำรองในประเทศ เตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- Apple เปิดตัว iPad Air-Pro รุ่นใหม่ 7 พฤษภาคมนี้
โดยยืนยันว่าปริมาณสต๊อกน้ำมันของไทยมีเพียงพอต่อความต้องการใช้ ประกอบด้วย 1) ปริมาณเชื้อเพลิงสำเร็จรูป 1,549.53 ล้านลิตร แบ่งเป็นเบนซิน 368.11 ล้านลิตร เพียงพอใช้ 12 วัน ส่วนดีเซล 839.95 ล้านลิตร เพียงพอใช้ 13 วัน และน้ำมันอากาศยาน 341.47 ล้านลิตร เพียงพอใช้ 16 วัน 2) มีปริมาณน้ำมันดิบ (สำรอง) 2,958.06 ล้านลิตร เพียงพอต่อการใช้ เพื่อผลิตป้อนตามความต้องการใช้ในประเทศได้ 24 วัน และน้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่งทางเรืออีก 1,591.23 ล้านลิตร เพียงพอใช้ 13 วัน 3) รวมปริมาณสำรองน้ำมันทั้งหมด ใช้ได้ 50 วัน 4) สามารถผลิตน้ำมันดิบและคอนเดนเสตจากแหล่งในประเทศ ป้อนความต้องการใช้ได้ประมาณ 35% 5) มีสต๊อกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) พร้อมใช้สำหรับครัวเรือน 20 วัน หรือ 117.89 ล้าน กก. ซึ่งโรงแยกแก๊ส ปตท.สามารถผลิตได้เพียงพอต่อความต้องการใช้ในภาคครัวเรือนโดยไม่ขาดแคลน
“กระทรวงพลังงานมั่นใจว่าประเทศไทยมีปริมาณสำรองน้ำมันที่พร้อมนำมาใช้ได้เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ ทั้งยังมีมาตรการกำกับ บริหารปริมาณสำรองให้กระทบผู้บริโภคน้อยที่สุด”
รายงานข่าวระบุว่า สถานการณ์การซื้อขายน้ำมันดิบค่อนข้างผันผวน โดยหลังจากเปิดตลาดช่วงเช้าของวันที่ 14 มิ.ย. 62 ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ก็ขยับขึ้น 0.7% ราคา 61.72 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ( WTI) ของสหรัฐ ปรับขึ้น 0.4% เท่ากับ 52.47 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ในช่วงบ่ายราคาปรับลดลง เหลือ 52.08 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จากปัจจัยของเหตุการณ์ดังกล่าว ประกอบกับรับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ที่เพิ่มขึ้นมาก และผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ซึ่งยังไม่ได้คลี่คลายลง
