นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ว่า อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ได้รายงานความคืบหน้าการศึกษาข้อดีและข้อเสียของการเข้าร่วมเป็นสมาชิกข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ภายหลังรับฟังความเห็นจากประชาชนทุกฝ่ายเพื่อพิจารณาว่ามีข้อดีและข้อเสียอย่างไรเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีการจ้างที่ปรึกษาจากต่างประเทศเพื่อนำผลการศึกษามาพิจารณาประกอบด้วย ซึ่งในวันนี้ได้นำผลการศึกษาข้อดีและข้อเสียมารายงานที่ประชุมให้รับทราบ
“มีทั้งข้อดี และมีประเด็นบางประเด็นที่เป็นห่วงและกังวล แต่ที่เคยเป็นห่วงเรื่องสิทธิบัตรยา ไม่มีแน่นอน”
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- Apple เปิดตัว iPad Air-Pro รุ่นใหม่ 7 พฤษภาคมนี้
นายสมคิดกล่าวว่า ที่ประชุมกนศ. จึงรับทราบและให้กระทรวงพาณิชย์ทำข้อสรุปว่า ควรเข้าร่วมหรือไม่ควรเข้าอย่างไร โดยกลุ่มประเทศสมาชิก CPTPP จำนวน 11 ประเทศ จะมีการประชุมครั้งใหญ่เดือนสิงหาคม ซึ่งต้องการให้ประเทศไทยแสดงเจตนาชัดเจนว่าจะเข้า หรือ ไม่เข้าร่วม
“ดังนั้นในเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมกระทรวงพาณิชย์จะต้องทำข้อสรุปข้อดี และข้อห่วงใย ซึ่งจะมีแก้ไขอย่างไร ถ้าหากกระทบประชาชนส่วนใหญ่ เราไม่เอาแน่นอน แต่ถ้าผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อเจรจาต่อไป”
นายสมคิดกล่าวว่า ที่ประชุมกนศ.ได้ข้อสรุปตรงกันที่ชัดเจนว่า เรื่องใดที่กระทบต่อประชาชน เราจะต้องมีการต่อรองแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องที่อ่อนไหว เพราะฉะนั้น ทีมเจรจาจะประกอบด้วยกระทรวงทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
นายสมคิด ยังกล่าวถึงสภาสหภาพยุโรป (สภาอียู) ได้ประกาศรับรองการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีอียู-เวียดนาม จึงได้กับอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศให้ดูแลตรงนี้เป็นพิเศษ
ด้านนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจราจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ทีมเจรจาต้องดูแลให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยมากที่สุดและส่งผลกระทบน้อยที่สุด
“การเจรจามีหลายก๊อก ก๊อกแรกขอไฟเขียวเพื่อเจรจา ถ้าตกลงกันได้แล้ว คณะเจรจาต้องกลับเข้ามาเพื่อขออนุมัติจากครม. ในแพ็กเกจที่ได้จากการเจรจา และขอความเห็นชอบจากรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 178 ขณะนี้เป็นเพียงก๊อกแรก แต่ตัวเลขแสดงให้เห็นว่า จะเสียโอกาสอะไรบ้าง”