ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ CPF ติดปีกหลังจบดีล TESCO

ในจังหวะที่การระบาดของโควิด-19 กำลังเริ่มปะทุขึ้นเดือนมีนาคม 2563 “เครือ ซี.พี.” ได้ประกาศทุ่มเงิน 3.38 แสนล้านบาทเข้าลงทุนในบริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เทสโก้ สโตร์ส (มาเลเซีย) จำกัด โดยผ่านบริษัท ซี.พี.รีเทลโฮลดิ้ง ที่ตั้งขึ้นใหม่จากการถือหุ้นของซีพี ออลล์ 40% เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง 40% และ ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง หรือเจริญโภคภัณฑ์อาหาร (ซีพีเอฟ) อีก 20% ทุนจดทะเบียน 2.4 แสนล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนอภิมหาดีลครั้งนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ” CEO CPF ถึงทิศทางธุรกิจช่วงโควิดและอนาคตหลังปิดดีลเทสโก้

มองการรีสตาร์ตธุรกิจของประเทศ

ข้อเสนอ CP ถึงรัฐบาลเป็นไปตามที่ผู้ใหญ่พูด เรามองว่าเม็ดเงินการกู้ 1.9 ล้านล้าน คิดเป็น debt/GDP (การบริหารหนี้สาธารณะกับภาระทางการคลัง) อยู่ที่ 50 เทียบกับอเมริกาที่มีสัดส่วน debt/GDP อยู่ที่ 100 กว่า แสดงว่าไทยยังมีความสามารถในการช่วยเหลือสังคมได้อีกมาก เรามั่นใจต่อการแก้ปัญหาของรัฐบาลที่จะกลับมารีสตาร์ตธุรกิจหลังวันที่ 30 เมษายน ถ้าไม่แก้โรคใครจะกล้ากลับมา จากการติดตามเราสามารถแก้ปัญหาการระบาดโควิดได้ดีเป็นรองแค่ไต้หวันกับนิวซีแลนด์เท่านั้น ซึ่ง 2 ประเทศนั้นเป็นเกาะ ซึ่งคุมการระบาดง่ายกว่าเราอยู่แล้ว ส่วนเราถือว่าทำได้ดีมาก

ถ้าเริ่มหลัง 4 พฤษภาคม การบริโภคจะฟื้นกลับมาได้ดีขึ้น อาจจะติดลบน้อยลง เพราะถึงอย่างไรเศรษฐกิจไทยหลัก ๆ อยู่ที่การท่องเที่ยว ปีหนึ่งมีนักท่องเที่ยว 40 ล้านคนหายไปยังไม่กลับมา ยังไงก็ติดลบเพียงแต่จะลบน้อยลง แต่ถ้าถามว่าธุรกิจจะมีผลกระทบมากน้อยขึ้นอยู่กับว่าอยู่ในเซ็กเตอร์ไหน ถ้าเป็นธุรกิจอาหารจะไม่กระทบมาก เพราะเป็นสิ่งจำเป็น ทางซีพีเอฟมีสัดส่วนพอร์ตธุรกิจอาหารในไทย 20% และในต่างประเทศ 70% กระจายอยู่ใน 10 กว่าประเทศทั่วโลก (ไม่รวมในส่วนของการส่งออก 30%) ซึ่งในจำนวนนี้มีประเทศที่แข็งแกร่ง 3 ประเทศ อย่างจีนสามารถที่จะกลับมาได้แล้ว เวียดนามสามารถป้องกันการระบาดได้ดี กำลังชัตดาวน์มีอัตราการตายน้อย และประเทศไทย มูลค่าธุรกิจในไทยประมาณ 100,000 ล้าน จีนและเวียดนามอีกประเทศละ 10,000 ล้านบาท

แนวโน้มธุรกิจของ CPF

ตอนนี้ในเรื่องการลงทุนในไทย เราต้อง “wait and see” ไปก่อน “ยกเว้น” การบำรุงรักษา (maintenance) ยังเหมือนเดิม ส่วนบิ๊กโปรเจ็กต์จะดีเลย์ไปถึงไตรมาส 3-4 เราต้องชะลอไว้ก่อน สำหรับแนวโน้มธุรกิจอาหารในส่วนของอาหารสุขภาพกำลังมา ซึ่งโชคดีที่ระบบโรงงานของเรามีการดูแลล่วงหน้าไปมาก สามารถข้ามผ่านปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (ASF) ก่อนหน้านี้ ทำให้ฟาร์มเราไม่ติด ASF เลยทั้งที่ประเทศรอบข้างติด หมูตายจำนวนมาก โดยเฉพาะในจีนตายไป 200 ล้านตัว ซัพพลายหายไปถึง 40% ราคาหมูจึงดีขึ้นหรือแม้แต่ในเวียดนาม เราก็ไม่ติดเลย สองตลาดนี้ดีมาก ดังนั้น ผมจึงมองว่าทิศทางปศุสัตว์ CP ครึ่งปีหลังยังไปได้ โดยมองตัวเลขเป้าหมายเดิมก่อนหน้านี้ที่วางไว้ว่าจะขยายตัว 8-10%

แม้ว่าการระบาดของไวรัสโควิด ทำให้ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะสหภาพยุโรปและสหรัฐประสบปัญหา เช่น ยุโรปไม่มีนักท่องเที่ยว ร้านอาหารปิด ประชาชนไม่สามารถใช้ชีวิตนอกบ้านได้ ส่งผลให้แนวโน้มความต้องการสินค้าพวกของสด เช่น ไก่ ชะลอตัว ในสหรัฐมีปัญหาโควิดหนักมาก แต่ก็ไม่ใช่กระทบทุกสินค้า อาหารสดและอาหารแบบชิลอาจจะทรงตัว แต่เราพบว่าอาหารแช่แข็งพวก frozen เติบโตดีมาก เพราะจากการที่ไม่อยากออกจากบ้านบ่อย ๆ จึงเลือกซื้อสินค้าที่สามารถสต๊อกเอาไว้ได้ในราคาที่ไม่แพง ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของอาหารแช่แข็ง แต่ถ้าเป็นตลาดในประเทศดูจากยอดขายในร้านซีพีเฟรชมาร์ท ซึ่งเป็นร้านที่เน้นขายอาหารโฟรเซ่นอยู่แล้ว เราก็จะเห็นยอดขายเติบโต 30-40% ทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเพิ่มสาขาปกติเราก็ทำอยู่แล้ว แต่ที่พิเศษก็คือ จะปรับปรุงร้าน restructure รื้อทำใหม่ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เมื่อปีก่อนแล้ว โดยปีนี้เรามีเป้าหมายว่าจะเปิดร้านในรูปแบบใหม่ให้ได้ 1ใน 3 หรือถึง 1 ใน 4 ของสาขาทั้งหมด 350 สาขา เป้าหมายจะปรับ position ร้านนี้ให้เป็น mini supermarket หรือตลาดของชุมชน ซึ่งจะไม่ใช่ convenient store

ภาพ CPF หลังดีลเทสโก้สำเร็จ

ถ้าดีลเทสโก้สำเร็จก็จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งของเรา แต่ระบบการขายเข้าไปจะเป็นระบบธุรกิจ เพราะต่างก็เป็นลิสเต็ดคอมปะนี แต่ข้อดีคือการสื่อสารระหว่างกันง่ายขึ้น ที่มองว่าค่าธรรมเนียม เราอาจได้เปรียบ (ซัพพลายเออร์) รายอื่นนั้น ทางเทสโก้เขาก็คิดค่าฟีจากเราเหมือนกัน แต่วิลลิ่งเนสดีขึ้น ได้โอเปอเรตคอร์ปอเรชั่น โลจิสติกส์ ได้ใช้ utility ต่าง ๆ ดีขึ้น หากถามเป้าหมายของเรา ถ้าเอาเทสโก้เทียบกับตอนที่เราซื้อแม็คโครแน่นอนว่า 1) เราได้ยอดขายเพิ่มขึ้น 2) เรามี cost per unit ถูกลงได้แชริ่งกัน ซึ่งช่องทางค้าปลีกของเขาก็ใหญ่ เทสโก้มี operation performance ซึ่งถ้านับแล้วในเซ็กเตอร์hypermarket เขาคือเบอร์ 1 และมี highly professionalsystems มาก ๆ

CPF ปูพรมขายเข้าเทสโก้ทุกสาขา

จากดีลนี้เราได้มา 2 ที่ คือ ไทยกับมาเลเซีย (ในไทยร้านสะดวกซื้อ 13,000 สาขา ค้าส่ง 94 สาขา ไฮเปอร์มาร์เก็ต 431 สาขา และในต่างประเทศ 76 สาขา) แต่จริง ๆ ตอนนี้เราก็ขายเข้าสาขาเทสโก้ที่ UK ได้อยู่แล้ว แต่นี่คือการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว (long relationship) หากได้ที่นี่ก็จะขายสินค้าเข้าไปมาเลเซียได้มากขึ้น เราก็มี operate ในมาเลเซียอยู่แล้ว แต่เรายังหวังว่าจะมีสินค้าบางอย่างจากเมืองไทยไปขายที่มาเลเซียได้มากขึ้นได้ไหม เพราะร้านค้าปลีกเขาใหญ่ แต่ถ้าถามว่า CPF ก็กลายเป็นเสือติดปีกได้ไหมก็อาจจะเรียกว่าโชคดีนิดหน่อย แต่เราก็ลงทุนไปเยอะ ซึ่งถือเป็นการลงทุน “good investment for longterm”

ความคืบหน้าของการดำเนินการดีลเทสโก้

ตอนนี้เรายื่นให้คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) พิจารณาตามกระบวนการทางกฎหมายแล้ว ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่ากระบวนการของคณะกรรมการจะเป็นอย่างไร แต่คาดว่าจะเสร็จภายใน 6 เดือน หรือเสร็จประมาณปลายปีนี้ แต่เมื่อมีโควิดเข้ามาก็คงต้องดีเลย์

กว่าจะเห็นยอดขายก็ปีหน้า

ไม่เชิง เพราะเราก็เริ่มขายเพิ่มกันแล้วนิด ๆ แล้วปีนี้แต่ติดปัญหาโควิด ดีลยัง pending อยู่ เราจึงเริ่มขายสินค้าจำเป็น เช่น ก่อนหน้านี้เราขายไข่ไก่เข้าไปในเทสโก้มากขึ้น เพราะไข่ไก่ขาดตลาด เราก็ช่วยชุมชนด้วย ดึงสต๊อกจากต่างจังหวัดดันเข้าไปใน กทม.เพื่อไม่ให้สังคมตกใจ ช่วยแก้ปัญหาไข่ขาดแคลนได้ภายใน 3 วัน