เจ้าหนี้การบินไทย “สหกรณ์” 4 หมื่นกว่าล้าน พร้อมเจรจาตามแผนฟื้นฟู

Photo by CHRISTOPHE ARCHAMBAULT / AFP

พ.ต.ท. วิโรจน์ สัตยสันห์สกุล ประธานกรรมการ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด (ชสอ.) กล่าวว่า ตามที่มีข่าวเผยแพร่โดยทั่วไปเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นกู้บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) -THAI ของชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด (ชสอ.) และสหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ นั้น ชสอ. ขอชี้แจงว่า ชสอ. ได้มีการลงทุนในหุ้นกู้ THAI มาตั้งแต่ปี 2554 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,911.00 ล้านบาท หรือมีต้นทุนที่ซื้อในตลาดรอง เป็นเงิน 1,919.45 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.25% ของสินทรัพย์รวม 153,799.93 ล้านบาท ขณะที่ชสอ. มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามแนวทาง Basel ถึง 24.04%

“การลงทุนในหุ้นกู้ THAI ทั้งหมดถือเป็นตราสารหนี้ ชสอ.มีฐานะเป็นเจ้าหนี้ ซึ่งที่ผ่านมาและทุกวันนี้ ชสอ. ยังได้รับเงินต้นและดอกเบี้ยตามกำหนด ไม่มีเหตุอันเกิดความเสียหายต่อ ชสอ. หุ้นกู้ดังกล่าวของ ชสอ. เป็นไปตาม พ.ร.บ. สหกรณ์ 2542 มาตรา 62 (3) และ (7) และข้อกำหนดของคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ โดยหุ้นกู้ในขณะนั้นต้องมีอันดับเครดิต ไม่ต่ำกว่า A- ซึ่งหุ้นกู้ THAI อยู่ที่ระดับ A และเป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ อีกทั้ง THAI เป็นกิจการรัฐวิสาหกิจ ซึ่งในปี 2562 มีสินทรัพย์ 256,665 ล้านบาท มีหนี้สิน 244,899 ล้านบาท และมีรายได้ 188,954.45 ล้านบาท จะเห็นได้ว่า ด้วยรายได้ 188,954.45 ล้านบาทในปี 2562 ชสอ.เชื่อว่า กิจการของ THAI ยังมีศักยภาพเชิงธุรกิจต่อไปได้ หากมีแผนฟื้นฟูที่กิจการชัดเจนและมีศักยภาพ”

ทั้งนี้ ตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) จะมีการดำเนินการผ่านกฎหมายล้มละลายภายใต้ศาลล้มละลายกลาง (ซึ่งไม่ใช่ขั้นตอนของการล้มละลายและยังไม่มีการพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด) และจะมีการเจรจาระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้ ทาง ชสอ. ในฐานะศูนย์กลางของขบวนการสหกรณ์ออมทรัพย์ทั้งหมด เป็นเจ้าหนี้ 4.2 หมื่นล้านบาทเกือบ 20 % ของหนี้ทั้งหมดในบริษัทการบินไทย พร้อมจะเป็นแกนกลาง เพราะเราควรมีอำนาจต่อรองแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้สหกรณ์ออมทรัพย์ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เพื่อให้สมาชิกของสหกรณ์ออมทรัพย์เสียประโยชน์น้อยที่สุด

พร้อมกันนี้ ชสอ.ได้เตรียมสำรองสภาพคล่องทางการเงิน และร่วมมือกับสหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ ที่เป็นเครือข่าย พร้อมเข้าช่วยเหลือด้านสภาพคล่องแก่สหกรณ์ออมทรัพย์ที่ประสบปัญหาสภาพคล่อง โดยจะไม่ปล่อยให้สหกรณ์ออมทรัพย์ใดเผชิญวิกฤตแต่เพียงลำพัง

สำหรับ ข้อมูลสถานะทางการเงินของ ชสอ. ณ วันที่ 18 พฤษภาคม 2563 เตรียมพร้อมสำรองสภาพคล่องไว้รวมทั้งสิ้น 21,754.40 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18.23 ของเงินรับฝากและตั๋วสัญญา ใช้เงิน (เป็นเงิน 119,324.92 ล้านบาท) สำหรับสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ไปถือหุ้นกู้ในการบินไทย ตามทีอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ แถลงข่าวเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 พบว่ามีทั้งหมด 82 สหกรณ์ เป็นหุ้นกู้ 81 สหกรณ์ เป็นมูลค่า 4.2 หมื่นล้านบาท สหกรณ์ออมทรัพย์เหล่านี้มีสินทรัพย์รวมกัน 1.77 ล้านล้านบาท ถ้าเทียบกับสินทรัพย์ในสหกรณ์ออมทรัพย์ทั่วประเทศเป็นเงินทั้งหมด 3.3 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ชสอ.ยืนยันว่าสหกรณ์ออมทรัพย์กลุ่มนี้เป็นสหกรณ์ขนาดใหญ่มาก และมีฐานะการเงินที่มั่นคงสูงยังดำเนินการต่อไปได้ไม่ต้องกังวล เพราะหากเทียบปริมาณหุ้นกู้ที่ลงในบริษัทการบินไทยต่อสินทรัพย์แล้ว อยู่ที่ 3.61 % ของสินทรัพย์รวมเท่านั้น ถือว่ามีสัดส่วนเพียงนิดเดียว เมื่อเทียบกับสถานะทางการเงินของสหกรณ์โดยรวม หุ้นกู้บริษัทการบินไทยทั้งหมด ที่สหกรณ์ออมทรัพย์เข้าไปลงทุนนั้น จะทยอยครบกำหนดการชำระเงินคืน ตั้งแต่ปี 2563 ถึง ปี 2577

โดยในปี 2563 นี้ จะมีครบกำหนด 20 สหกรณ์ เป็นเงิน 1,108 ล้านบาท เฉลี่ยครบกำหนดกระจายไปยังสหกรณ์ละ 30 ล้านบาท หรือ 40 ล้านบาท หรือ 100 ล้านบาท โดยจะครบเดือนสิงหาคม และกันยายน 2563 นี้ ส่วนใหญ่สหกรณ์ออมทรัพย์เหล่านี้จะปิดบัญชีตามรอบปีบัญชี 31 ธันวาคม 2563 แม้จะต้องตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเต็ม 100% ถ้าหนี้ไม่ได้รับชำระในปี 2563 นี้ ชสอ.มั่นใจและเชื่อว่า จะไม่มีสหกรณ์ใดขาดทุนจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในปีนี้ และจะส่งผลต่อกำไรสุทธิและเงินปันผลไม่มากนัก ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ ก็มีมาตรการรองรับไม่ให้มีผลกระทบมากนักไว้แล้ว