พิษเศรษฐกิจ-โควิดกระหน่ำหนัก ส่งออกไทยร่วงต่อเนื่อง ครึ่งปีแรกหดตัว 7.09% ครึ่งปีหลังสารพัดปัจจัยลบรุมเร้า “ล็อกดาวน์-ค่าบาท” ตัวแปรหลัก คาดทั้งปีติดลบ 8-9%
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ตัวเลขการส่งออกครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปี 2563 ไทยมีมูลค่าส่งออก 114,342 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 7.09% เมื่อเทียบครึ่งปีเดียวกันนั้น เป็นการหดตัวเพิ่มขึ้น ทั้งจากปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ส่งผลกระทบต่อการนำเข้า จากปัญหาโควิด-19
ขณะที่การนำเข้าครึ่งปีแรกของไทยมีมูลค่า 103,642 ล้านเหรียญสหรัฐหดตัว 12.62% ทั้งนี้ เมื่อการส่งออกหดตัว การนำเข้าสินค้าเพื่อการส่งออกจึงลดลงตามไปด้วย ทำให้ครึ่งปีแรกไทยมีการค้าเกินดุล 10,700 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนแนวโน้มการส่งออกครึ่งปีหลังของปี ยังเป็นปัจจัยที่ต้องการผลักดัน เนื่องจากยังมีแรงกดดันการส่งออก โดยเฉพาะเรื่องของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกับกำลังซื้อของประชาชน แม้ขณะนี้หลายประเทศจะเริ่มฟื้นตัวโดยเฉพาะในเอเชีย แต่ก็ยังกังวลปัญหาในเรื่องของการล็อกดาวน์อยู่ ขณะที่ยังมีปัจจัยเรื่องของค่าเงินบาทก็ยังส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย
นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเพื่อให้การส่งออกไทยฟื้นตัว การคาดการณ์การส่งออกไปยังจีนยังคงขยายตัวดี รวมไปถึงตลาดสหรัฐเริ่มกลับมาขยายตัว การควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 พร้อมกันนี้ก็ยังคาดหวังให้ประเทศคู่ค้ารายสำคัญของไทยปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะทำให้การส่งออกของไทยกลับมาขยายตัวหลังจากนี้
ทั้งนี้ การส่งออกทั้งปี 2563 จากการติดตามสถานการณ์การส่งออกประเมินว่าโอกาสติดลบ 8-9% โดยการส่งออกจากนี้เฉลี่ยต่อเดือนต่อส่งออกอยู่ที่ 18,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ยังไม่ได้เป็นการปรับประมาณการตัวเลขการส่งออกไทยทั้งปี และหากจะทำให้การส่งออกไทยกลายเป็นบวกนั้น จากนี้การส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนต้องอยู่ที่ 21,988 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นไปได้ยาก แต่ทั้งนี้ เพื่อให้การส่งออกของไทยไปได้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศก็พร้อมจัดกิจกรรมดันการค้าเต็มที่ เพื่อให้การส่งออกของไทยจากนี้ขยายตัว โดยสินค้าที่น่าสนใจและไปได้ดี เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เช่น เม็ดพลาสติก โดยมองว่าจากนี้น่าจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ของโควิด-19 คลี่คลายสำหรับการส่งออกในเดือนมิถุนายน 2563 มีมูลค่า 16,444 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 23.17% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมองว่าเป็นการส่งออกในจุดต่ำสุดแล้ว และเชื่อว่าจากนี้จะปรับตัวดีขึ้น เมื่อดูจากการส่งออกในหลายอุตสาหกรรม ซึ่งมาจากการส่งออกในกลุ่มรถยนต์ อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) หดตัวอย่างต่อเนื่อง การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปจากราคาน้ำมันที่ยังตกต่ำส่งผลต่อสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง
ส่วนสินค้าที่การส่งออกขยายตัวไปได้ดีนั้น เช่น การส่งออกอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ไก่สดแช่เย็นแช่แข็งและแปรรูป เป็นต้น ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 14,833 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 18.05% ส่งผลให้ประเทศไทยมีการค้าเกินดุล 1,610 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยตลาดที่ส่งออกดียังเป็นจีนและสหรัฐ
