บอร์ด อคส.ประชุมเครียด 6 ชั่วโมง สั่งระงับซื้อถุงมือยาง 1.12 แสนล้านบาท

บอร์ดอคส.มีมติให้ระงับการดำเนินการซื้อถุงมือยางหลังหารือร่วม 6 ชั่วโมง มอบอำนาจ ผอ.เต็มที่

บอร์ด อคส. มีมติเห็นชอบให้ระงับการดำเนินการซื้อถุงมือยางมูลค่ากว่า 1.12 แสนล้านบาท พร้อมมัดจำเงินไปแล้ว 2,000 ล้านบาท ที่ประชุมยังมอบอำนาจทางกฎหมายให้ ผอ. อคส. ดำเนินการดังกล่าวได้เต็มที่ หลังประชุมหารือนานกว่า 6 ชั่วโมง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (บอร์ดอคส.) ในวันนี้ (25 ก.ย.2563) เวลา 14.00 น.ได้มีการประชุมหารือในวาระลับเกี่ยวกับการซื้อขายถุงมือยาง 1.12 แสนล้านบาท ปริมาณ 500 ล้านกล่อง โดยใช้เวลาการประชุมนานกว่า 6 ชั่วโมง เพื่อที่จะหาทางออกกับกรณีนี้ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายหรือผลกระทบต่อองค์กร อีกทั้ง เจ้าหน้าที่ อคส. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ อคส. ต่างก็ติดตามและให้ความสนใจในเรื่องนี้

เบื้องต้น ในการประชุมหารือครั้งนี้ ได้มองไว้ 2 แนวทาง คือ การระงับสัญญา หรือ ยกเลิกสัญญา และการระงับการดำเนินการ สำหรับการซื้อขายถุงมือยางดังกล่าว ซึ่งมีการวางเงินมัดจำไว้แล้ว 2,000 ล้านบาท

นายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ด อคส. ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ระงับการดำเนินการทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายดังกล่าว โดยได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการ อคส.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับได้ทันที สำหรับกรณี กรณีการซื้อขายถุงมือยาง ปริมาณ 500 ล้านกล่องมูลค่า 1.12 แสนล้านบาท โดยมีการวางเงินมัดจำแล้ว 2,000 ล้านบาท โดยพบว่า การดำเนินการไม่ถูกต้อง จึงต้องการให้มีการประดับคู่การเนื่องจากมองว่ามีผลกระทบต่อองค์กร

และจากการสอบถามถึงอำนาจของ ผู้อำนวยการ อคส. ตามกฎหมายและหน้าที่ ภายหลังจากที่ประชุมมีมติเห็นชอบไปให้ระงับการดำเนินการทั้งปวงนั้น มีอำนาจที่จะระงับสัญญา หรือ ยกเลิกสัญญาได้หรือไม่ เบื้องต้น ประธานบอร์ด อคส. ได้ชี้แจงให้ไปสอบถามกับทาง ผอ. เอง ซึ่งตนไม่สามารถตอบได้

ทั้งนี้ อคส.ยังได้แจ้งไปยังสำนักงานการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่ออายัดบัญชีเงินฝากธนาคาร และได้กล่าวทุกข์ร้องโทษไปยังพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไว้แล้วชั้นหนึ่ง เพื่อที่จะดำเนินการนคดีดังกล่าวด้วย

สำหรับ จากการตรวจสอบข้อมูลนิติบุคล 7 บริษัท ที่ทำสัญญาสั่งซื้อถุงมืยางจากองค์การคลังสินค้า(อคส.)พบว่า 5 ใน 7บริษัท เป็นนิติบุคคลไทย ได้แก่ 1.บริษัท 24 คลีนเอเนอร์จี้ โดยมีการจดทะเบียนธุรกิจเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2558 มีมูลค่าทุนจดทะเบียนมูลค่า 5 ล้านบาท มีกรรมผู้ลงนาม ประกอบด้วย1.นางเพ็ญพัฒน์ โดเกล 2.นายแอนเดล โยรก์โดเกล ซึ่งจดทะเบียนประเภทธุรกิจผลิตเครื่องและอุปกรณ์ในทางการแทพย์(ยกเว้นทันตกรรม) โดยเสนอซื้อถุงมือยางจาก อคส. 225 บาทต่อกล่อง มูลค่าสัญญารวม 11,700 ล้านบาท

2.บริษัท ไทยสไมล์เทรด จดทะเบียน ธุรกิจวันที่ 17 ต.ค 2560 ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท มีกรรมการผู้ลงนาม คือ นางฉันทิศา หวง ประเภทธุรกิจการแปรรูปและการถนอมผลไม้และผักด้วยวิธีอื่นๆ ซึ่งไม่ได้จัดประเภทไว้ที่อื่น งบดุลกำไรปี 2565 สั่งซื้อถุงมือยางจาก อคส.ราคากล่องละ 215 บาท มูลค่าสัญญารวม 2,580 ล้านบาท

3.บริษัท เคเค.ออยล์แอนด์แก๊ส จดทะเบียนธุรกิจ วันที่ 22 พ.ค.2556 ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาทมีกรรมการลงนาม 1.นายวงษ์บดีกาญจน์ ทองโสภณ 2.นางกรรณิการ์ หนุนภักดี จดทะเบียนธุรกิจประเภทการขายปลีกเชื้อเพลิงยานยนต์ในร้านค้าเฉพาะสถานีปั้ม สั่งซื้อถุงมือยางจาก อคส. 220 บาทต่อกล่อง มูลค่าสัญญารวม 11,000ล้านบาท

4.บริษัท เดอะควีนเพาเวอร์ จดทะเบียนธุรกิจ วันที่ 29 ต.ค2558 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท มีกรรมการลงนาม ประกอบด้วย 1.นายวิชชิ ศรีรักษ์อักษร 2.นายไพโรจน์ จารุวงศ์วัฒนา และ 3.นายเมธี อธิจิตสกุล ประเภทธุรกิจการขายส่งเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ราคาซื้อถุงมือยางกับ อคส. เสนอซื้อถุงมือยางราคา 210 บาทต่อกล่อง มูลค่าตามสัญญา 2,520 ล้านบาท

และ5.บริษัท เอเอเมทิสต์ จดทะเบียนวันที่ 23ก.ค.2562 มีกรรมการลงนาม คือ นางสาวกัญณัฏฐ์ พฤกฒิธานินทร์ ประเภทธุรกิจกิจกรรมงานวิศวกรรมและการให้การปรึกษาทางด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้อง เสนอซื้อถุงมือยาง ราคา 210 บาทต่อกล่อง มูลค่าตามสัญญา 21,00 ล้านบาท

โดยทั้ง 5 บริษัทในสัญญาไม่มีการระบุว่า หลักประกันของสัญญาซื้อขาย , ไม่มีกำหนดส่งสินค้าเป็นงวดที่แน่นอน ,ไม่มีหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ชื้อและไม่มีการกำหนดการสิ้นสุดแห่งสัญญา ส่วนอีก 2 บริษัทที่เสนอซื้อถุงมือยางจาก อคส. เป็นบริษัทต่างชาติ