กรมการค้าภายใน เตรียมจัดธงฟ้าราคาประหยัด ระดับภาค 16 ครั้ง กรุงเทพฯ และเคหะชุมชน 30 ครั้ง และลงลึกถึงระดับอำเภอ ตำบล 76 จังหวัด พร้อมดึงร้านธงฟ้า 1.31 แสนแห่งร่วมลดราคา เผย “คนละครึ่ง” ช่วยหนุนยอดขายร้านธงฟ้าพุ่ง ส่วนโครงการพาณิชย์ลดกระหน่ำข้ามปี คาดลดค่าครองชีพได้ 1,000 ล้าน เตรียมหาทางลดราคาต่อ
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เตรียมดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพ ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยจะมีกิจกรรมจัดงานจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด 20-40%
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
ตั้งเป้าจะจัดโครงการธงฟ้าราคาประหยัดลดค่าครองชีพประชาชน แบ่งเป็นการจัดงานจำหน่ายสินค้าในระดับภาค 16 ครั้ง การจัดงานจำหน่ายสินค้าในระดับเขตในกรุงเทพฯ และเคหะชุมชน 30 ครั้ง และจัดงานจำหน่ายสินค้าระดับท้องถิ่นหรือชุมชน อำเภอ ตำบล ร่วมกับกิจกรรมส่วนภูมิภาคในแต่ละจังหวัด 76 จังหวัด
“การจัดงานดังกล่าว เป็นการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย และช่วยเหลือผู้ผลิต ผู้ประกอบการให้สามารถจำหน่ายสินค้าได้เพิ่มขึ้น และยังเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับเกษตรกร และผู้ประกอบการรายย่อย เพราะได้มีการนำสินค้ามาจำหน่ายด้วย รวมทั้งยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น”
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้จัดโครงการ “ธงฟ้าราคาประหยัด พัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น” เพื่อจำหน่ายสินค้าในราคาประหยัด ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการทั่วประเทศ จำนวน 131,876 ร้านค้า (ณ วันที่ 30 ธ.ค.2563) และมีบริษัทผู้ผลิตที่ร่วมโครงการมากกว่า 100 ราย มีสินค้าที่เข้าร่วมโครงการประมาณ 140 สินค้าจำนวน 1,031 รายการ
อย่างไรก็ตาม สำหรับร้านธงฟ้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายเล็ก ยังได้รับประโยชน์จากโครงการ “คนละครึ่ง” เพราะมีประชาชนมาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ประชาชนก็ได้ลดภาระค่าครองชีพ เพราะสามารถซื้อสินค้าที่ต้องการโดยใช้เงินเพียงครึ่งเดียว
สำหรับโครงการ “พาณิชย์ลดกระหน่ำ ข้ามปี! New Year Grand Sale 2021” ที่ได้จัดมาตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2563 และจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ม.ค. 2564 นั้น มีภาคเอกชน 73 ราย ประกอบด้วยห้างค้าปลีก-ค้าส่ง 17 ราย ผู้ผลิตและจำหน่าย 44 ราย ผู้ประกอบการธุรกิจขนส่ง 3 ราย กลุ่มโรงพยาบาล 2 ราย สายการบิน 3 สาย และกลุ่มแพลตฟอร์ม 4 แพลตฟอร์มเข้าร่วมลดราคาจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคกว่า 22,000 รายการ รวมถึงสินค้านมผงได้เข้าร่วมโครงการนี้ด้วย
โดยสินค้าลดราคาสูงสุด 87% ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้จริง โดยคาดว่าจะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
“ขณะนี้ กรมฯ กำลังประสานผู้ผลิตผู้จำหน่ายในการจัดกิจกรรมพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน ภายใต้โครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนในล็อตถัดไป ตามนโยบายที่ได้รับจาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยจะมุ่งเน้นสินค้าและบริการที่จำเป็นต่อการครองชีพของผู้บริโภค รวมทั้งจะได้ขอความร่วมมือแพลตฟอร์มต่าง ๆ มาร่วมลดราคาให้กับพี่น้องประชาชนเพิ่มขึ้นด้วย”
รายงานข่าวระบุว่า ในวันที่ 13 ม.ค. 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะมีการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เพื่อพิจารณาและทบทวนรายการสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน โดยเป็นการทบทวนบัญชีรายการสินค้าควบคุมประจำปี 2564 จากนั้นจะนำเสนอให้ ครม.รับทราบต่อไป
“กรมการค้าภายในกำลังจัดทำรายละเอียดว่ารายการสินค้าใด ที่จะถอดออกจากบัญชีควบคุม รายการสินค้าใดนำเข้าบัญชีควบคุม ซึ่งการขึ้นเป็นสินค้าควบคุมเพื่อใช้มาตรการในการดูแล หากมีการบิดเบือนราคา ขายเกินจริง หรือการกระทำผิดจนกระทบต่อประชาชนและการค้าปกติ คงต้องทบทวบรายการสินค้าที่สอดคล้องกับการแพร่ระบาดของโควิดด้วย”
นายจุรินทร์ กล่าวถึงการตั้งข้อสังเกตเรื่องการกำหนดราคาวัคซีนต้านไวรัสโควิด ว่า เรื่องวัคซีนต้านไวรัส องค์การอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ต้องดูในเรื่องสรรพคุณและโครงการที่เหมาะสม กระทรวงพาณิชย์ไม่มีหน้าที่ในการกำหนดดูแลแต่อย่างไร ส่วนราคาหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือจากรายงานยังไม่มีปัญหารเรื่องการไม่เพียงพอ