ทบ.-กฟผ. ปักหมุด “แก่งเสี้ยน” ศึกษาผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซล 300 เมกะวัตต์

กองทัพบก (ทบ.) ผนึกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ประกาศความร่วมมือศึกษาความเป็นไปได้ พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก พื้นที่ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จำนวน 3 แสนไร่ ผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ศักยภาพ 300 เมกะวัตต์ คาดว่า 3 เดือนเคาะผลศึกษา

วันที่ 28 ม.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) และนายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก โดยมี พลโท รังษี กิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และ ดร.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ. เป็นพยานการลงนาม ณ ห้องเบญจนฤมิต อาคารเบญจรังสฤษฏ์ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5

นายบุญญนิตย์ กล่าวว่า การร่วมลงนามในข้อตกลงครั้งนี้ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นในการผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่ช่วยลดมลภาวะบนพื้นที่ที่มีศักยภาพเหมาะสมในการดูแลของกองทัพบกในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศรวมกว่า 4.5 ล้านไร่ อาทิ บริเวณพื้นที่ตำบลแก่งเสี้ยน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 3 แสนไร่ ซึ่งคาดว่าจะมีความเหมาะสมในการทำโซลาร์ฟาร์ม เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าได้ โดยตั้งเป้าผลิตกำลังไฟฟ้า 300 เมกะวัตต์ โดยพื้นที่แห่งนี้จะเป็นพื้นที่นำร่อง ซึ่งวันนี้จะเริ่มศึกษา คาดว่าจะเเล้วเสร็จใน 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค.64) ซึ่งยังคงอยู่ระหว่างความร่วมมือหลายหน่วยงาน

สำหรับ พลังงานแสงอาทิตย์ ถือเป็นพลังงานทางเลือกที่เริ่มมีบทบาทสำคัญในการเสริมความมั่นคงทางด้านพลังงานไฟฟ้า และเป็นพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศในการลดต้นทุนการผลิตของภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงภาคครัวเรือนที่มีอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ และทำให้เกิดชีวิตวิถีใหม่ (new normal) พลังงานไฟฟ้าจึงเป็นพลังงานหลักของหลายภาคส่วน

ดังนั้น การปรับยุทธศาสตร์ด้านต้นทุนการผลิตจึงเป็นเรื่องสำคัญ หากสามารถนำพลังงานหมุนเวียนมาช่วยเสริมในระบบไฟฟ้า นอกจากส่งเสริมการผลิตพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ในอนาคตหากเทคโนโลยีได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นจะสามารถลดต้นทุนการผลิตได้อีกทางหนึ่ง

Advertisment

อย่างไรก็ดี กองทัพบก และ กฟผ. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้พลังงานหมุนเวียน จึงทำให้เกิดความร่วมมือกัน เพื่อแสวงหาและพัฒนาด้านพลังงานของประเทศ โดยมีเป้าหมายให้ประเทศไทยและประชาชนได้รับประโยชน์ในเรื่องของการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด อัตราค่าไฟฟ้าลดลง ลดการขาดดุลจากการซื้อไฟฟ้าและนำเข้าก๊าซจากต่างประเทศ เป็นการระดมทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในสภาวะเศรษฐกิจถดถอย สร้างงานสร้างอาชีพให้ประชาชน

ตลอดจนเป็นการช่วยเกษตรกรไทยในการจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรแบบแลกเปลี่ยน (Barter Trade) กับประเทศที่จำหน่ายเทคโนโลยีโซลาร์เซลล์ ดังนั้นการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโรงงานไฟฟ้าพลังงานทางเลือกในความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยปฏิรูปในเรื่องพลังงานไฟฟ้า และสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศไทย