1 แสนบริษัทเครือข่ายหอการค้า ร่วมประกาศจุดยืน Circular Economy

หอการค้าไทย รวมพลังหอการค้าและเครือข่ายทั่วประเทศ 1 แสนบริษัท ร่วมกันประกาศจุดยืนขับเคลื่อนธุรกิจยั่งยืนด้วยหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านเครือข่ายหอการค้าจังหวัดฯ และกลุ่มผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ หรือ Young Entrepreneur Chamber of Commerce (YEC) ทั่วประเทศ ซึ่งจะผลกดันผ่านเครือข่ายมีสมาชิก 1 แสนบริษัท มุ่งสร้างโมเดลธุรกิจแบบยั่งยืน ด้วยการลดใช้ทรัพยากร จัดการของเสียอย่างครบวรจร และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีกลยุทธ์สำคัญตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน

ได้แก่ 1) การออกแบบสินค้าให้เกิดการนำมาใช้ซ้ำ หรือใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2) ลดปริมาณของเสียหรือให้เป็นศูนย์ 3) ใช้วัตถุดิบที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และ 4) มีระบบบริหารจัดการของเสียที่มีประสิทธิภาพอย่างครบวงจร ทั้งนี้ ในแผนงานปี 2564 จะเน้นดำเนินการที่ภาคธุรกิจการค้าและบริการในจังหวัดชายฝั่งทะเลกว่า 23 จังหวัด เพื่อช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเล รวมทั้งส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ ให้กับผู้ประกอบการ

“การผลักดันครั้งนี้ เนื่องจากเล็งเห็นปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น ความเหลื่อมล้ำ ภัยแล้ง น้ำท่วม ขยะล้นเมือง และสุดท้ายปัญหาเหล่านี้จะกลับมากระทบต่อธุรกิจ เมื่อบริหารจัดการได้ จะทำให้ใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ให้คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ สอดคล้องกันการที่รัฐบาลได้ประกาศนโยบายโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG หรือ Bio-Circular-Green Economy เชื่อว่านอกจาก Circular Economy จะช่วยลดผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ ด้วย”

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน หอการค้าไทย กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจรูปแบบเก่า หรือ Linear Economy เป็นการนำทรัพยากรมาผลิต เกิดของเสียแล้วทิ้ง ทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมตามมา จึงเกิดรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ คือ เศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy ซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจที่คำนึงถึงคุณค่าของทรัพยากรตลอดช่วงชีวิตของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการนำกลับมาใช้ซ้ำ หรือใช้ใหม่ให้มีประสิทธิภาพ โดยมีกลยุทธ์สำคัญ คือ การออกแบบสินค้าให้เกิดการนำมาใช้ซ้ำ หรือใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการบริหารจัดการของเสียอย่างเป็นระบบครบวงจร ทำให้การดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม สามารถช่วยลดก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของโลก

Advertisment

ในปีที่ผ่านมา คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน หอการค้าฯ ได้จัด “Circular Economy Workshop” ขึ้นเพื่อหาแนวทางการดำเนินงาน โดยมีตัวแทนจากภาคเอกชน อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยฯ สมาคมธนาคาร ร่วมทั้งเครือข่ายของหอการค้าฯ เข้าร่วมนำเสนอความเห็น “จากการเวิร์กช้อป พบว่า การขับเคลื่อนแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนควรเน้นที่ปลายน้ำของ Value Chain หรือภาคธุรกิจการค้าและบริการ ให้มีการบริหารจัดการของเสีย หรือ Waste Management ที่มีประสิทธิภาพ โดยเน้นที่ขยะเศษอาหารและพลาสติก ซึ่งเป็นประเภทขยะที่มีปริมาณมาก

โดยหอการค้าฯ ได้จัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนขึ้น ประกอบด้วยตัวแทนจากภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในกลุ่มสมาชิกฯ อย่างเป็นรูปธรรม

ด้านนายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ที่ปรึกษาคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน กล่าวว่า จากปริมาณขยะทั้งหมดในประเทศไทย 27.8 ล้านตันต่อปี มีสัดส่วนที่นำไปรีไซเคิลเพียง 31% ดังนั้นขยะที่อยู่นอกระบบจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาขยะทะเลที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางน้ำ จากข้อมูลของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยหรือ TDRI พบว่า กว่า 80% ของขยะทะเลเกิดขึ้นจากกิจกรรมบนบก โดยที่มาของปัญหาคือพฤติกรรมของมนุษย์ การจัดการขยะตั้งแต่ต้นทางจึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้วัสดุได้หมุนเวียนกลับคืนมาในระบบเศรษฐกิจ และไม่หลุดรอดไปทำลายสิ่งแวดล้อม

ทางหอการค้าฯ และคณะทำงานจึงร่วมมือกันขับเคลื่อนเรื่องการจัดการขยะให้เป็นวาระเริ่มต้นที่สำคัญ โดยแผนงานในปี 2564 นี้ จะเน้นส่งเสริมภาคธุรกิจการค้าและบริการใน 23 จังหวัดชายฝั่งทะเล ซึ่งคาดหวังให้แต่ละจังหวัดมีโครงการต้นแบบอย่างน้อย 1 โครงการ และสามารถนำไปขยายผลภายในจังหวัดของตนต่อไป และเป้าหมายในปี 2568 จะกระจายได้ครบจังหวัดทั่วประเทศ

Advertisment

ทั้งนี้ จากข้อมูล 7 รายการขยะไทย เช่น ถุงพลาสติก กล่องโฬม ห่ออาหาร ถุงก๊อปแก๊ป ขวดแก้ว ขวดพลาสติก หลอดดูด แหล่งที่มาของขยะ 36% มาจากชุมชน ร้านค้า อุตสาหกรรม 15% มาจาก การท่องเที่ยว 14% มาจาก บ่อฝั่งกลบที่จัดการไม่ถูกต้อง ปัจจุบันยังพบว่าจากปัญหาโควิด-19 ทำให้มีขยะจากการขนส่งออกหารปริมาณ 6,300 ตันต่อวัน มาจากหน้ากากอนามัย 2 ล้านชิ้นต่อวัน ส่งผลให้ไทยมีขยะสะสมมากขึ้น ดังนั้น การจัดการขยะจึงเป็นสิ่งที่ร่วมกันผลักดัน บริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพและให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจด้วย

คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน หอการค้าฯ ประกอบด้วย : B.Grimm, SCG, Ocean Group, Tesco Lotus, Allied Metal, CP Group, ไทยน้ำทิพย์, PTT, GC, Central Group, BITEC, สมาคมโรงแรม และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย