หอการค้าพร้อม เปิดประเทศ มั่นใจ 3 เดือนเงินไหลเข้า 5 หมื่นล้าน

หอการค้าไทย ชี้ภาคเอกชนเตรียมรับมือ 120 วันเปิดประเทศ มั่นใจ 3 เดือนเงินไหลเข้า 5 หมื่นล้าน ดันจีดีพีเพิ่ม 0.3% พร้อมขอทุกฝ่ายอย่าตั้งเงื่อนไข เตรียมรับมือเชื่อจะสร้างรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมาก นำร่องภูเก็ตแซนด์บอกซ์

วันที่ 23 มิถุนายน 2564 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยในงานสัมมนา Empowering Thailand 2021 เคลื่อนอนาคตไทย ด้วยการลงทุน ในหัวข้อเรื่อง ลงทุนไทย เคลื่อนประเทศไทย ที่จัดโดยหนังสือพิมพ์มติชนว่า กรณีที่นายกรัฐมนตรีประกาศเปิดประเทศใน 120 วัน ทางหอการค้าและภาคธุรกิจเห็นด้วยกับสิ่งที่นายกรัฐมนตรีตัดสินใจ เพราะนั่นหมายความว่ารัฐบาลมีวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19 อยู่ในมือจำนวนมาก พร้อมเป้าหมายฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ประชาชนได้ 50 ล้านคน พร้อมกับความมั่นใจของหน่วยงานสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ ที่พร้อมจะร่วมมือและวางมาตรการป้องกันในการดูแลอย่างเต็มที่ เพราะเชื่อว่าปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะยังคงอยู่ไปอีกนาน

สนั่น อังอุบลกุล

ทั้งนี้ หลังจากที่ตนเข้ามารับตำแหน่งได้วางเป้าหมายการทำงาน 90 วันแรก เช่น จะเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ พร้อมกับสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้กับภาครัฐ โดยเป้าหมายในปีนี้ไทยจะฉีดวัคซีนให้ได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านโดส นอกจากนี้ ภายหลังจากที่มีการประกาศเปิดประเทศ ทางหอการค้าไทยได้มีการหารือกับหอการค้าทั่วประเทศในการเตรียมความพร้อมรับมือว่าจะทำอย่างไร อีกทั้งจะมีการหารือกับหอการค้าต่างประเทศ ทูตพาณิชย์ สถานกงสุล และสภาธุรกิจต่าง ๆ กว่า 50 ประเทศในการเตรียมความพร้อมดังกล่าวด้วย

โดยเชื่อว่าเมื่อมีการเปิดประเทศจะมีนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจเข้ามาประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดรายได้เข้ามาภายในประเทศมากขึ้น โดยคาดว่าในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2564 จะมีรายได้ใหม่เข้าจากกลุ่มดังกล่าวจำนวน 50,000-100,000 ล้านบาท เพราะคาดการณ์ว่าใน 3 เดือนนี้ จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวน 1 ล้านคน ซึ่งค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปจะอยู่ที่ประมาณ 50,000 บาท ซึ่งจะเกิดเป็นรายได้เข้าประเทศ ทั้งนี้ หอการค้าไทยยังมีโครงการฮักไทย ซึ่งได้ร่วมมือกับหอการค้าและภาคเอกชนในการจัดโปรโมชั่นเพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาให้มาก โดยเชื่อว่าจะสร้างโอกาสในการหารายได้

พร้อมกันนี้ จากการตั้งเป้าหมายว่าวันที่ 1 กรกฎาคม ภูเก็ตแซนด์บอกซ์จะเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามา ซึ่งทางภาคเอกชนได้เตรียมความพร้อมและจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยว และจุดนี้จะเป็นตัวพิสูจน์ว่าเมื่อมีการเปิดประเทศจะเกิดรายได้เข้ามา และเป็นการทดสอบระบบว่าประเทศไทยจะสามารถมีมาตรการหรือควบคุมการดูแลการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีมากน้อยแค่ไหน พร้อมทั้งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคประชาชนได้อีกด้วย

“การเปิดประเทศทำให้เอกชนมีความหวัง เพราะหากจะพึ่งรายได้ของภาครัฐเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาเราใช้บุญเก่ามาตลอด จากการลงทุนของภาครัฐ ภาษีประชาชน หรือมาตรการลดดอกเบี้ย พักหนี้ ของภาครัฐก็ยังไม่เพียงพอ ดังนั้น ต้องหาเงินหรือรายใหม่เข้ามาและการเปิดประเทศจึงเป็นโอกาสที่สำคัญ ที่จะมีนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจเข้ามาในประเทศที่จะสร้างรายได้ให้กับประชาชน”

นายสนั่นกล่าวอีกว่า การเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ หรือนักลงทุน จะดูในเรื่องของความพร้อมและความปลอดภัยเพราะเห็นได้จากมัลดีฟส์ เมื่อมีการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก และสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการหรือประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น เมื่อประเทศไทยมีความพร้อมก็เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามา ซึ่งระยะเวลาในการอยู่ไม่ต่ำกว่า 14 วันอย่างแน่นอน ซึ่งจะเป็นรายได้เข้าประเทศ พร้อมกันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาครัฐจะดำเนินการเตรียมความพร้อมอย่างไร รวมไปถึงในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ด้วย

นอกจากนั้น จะเห็นว่าเมื่อมีการเปิดประเทศ สถาบันการเงินซึ่งเป็นเจ้าหนี้จะมีความเชื่อมั่นมากขึ้นที่จะสามารถปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการเพื่อมีสภาพคล่องในการหมุนเวียนทำธุรกิจเนื่องจากจะมีรายได้เข้ามาให้เห็นแล้ว โดยปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนยังเป็นปัจจัยสำคัญของผู้ประกอบการ แม้ภาครัฐจะมีมาตรการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือมาตรการพักหนี้ แต่ยังพบว่าผู้ประกอบการยังเข้าไม่ถึง เนื่องจากยังมีในเรื่องของกฎระเบียบ เงื่อนไข ที่ยังเป็นข้อจำกัด เช่น เครดิตบูโร โดยหอการค้าไทยพร้อมที่จะเป็นตัวแทนในส่วนของการประสานหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการผลักดันให้กับผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนดังกล่าวได้

“โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมจะเห็นว่าปัจจุบันการเปิดให้บริการยังมีจำนวนน้อยหากดูสัดส่วนแล้วมีประมาณ 38% ที่เปิดให้บริการเต็มที่ แต่อีก 40% เปิดให้บริการบางส่วนและ 20% ปิดสนิท ดังนั้น ทำอย่างไรจะทำให้ผู้ประกอบการเหล่านี้สามารถฟื้นตัวได้ รวมไปถึงการรองรับและการเตรียมความพร้อมสำหรับพนักงานที่จะเข้ามาทำงานอีกด้วย”

อย่างไรก็ดี เห็นว่าการเปิดประเทศจะต้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน โดยอย่าตั้งเงื่อนไขก่อน ควรมองถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้น และทุกฝ่ายร่วมมือกันที่จะขับเคลื่อนซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกฝ่าย เพราะต้องยอมรับว่าปัญหาโควิด-19 ที่ผ่านมากระทบต่อมูลค่าเศรษฐกิจถึง 3-5 แสนล้านบาท แต่หากเราร่วมมือกันเชื่อว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและรายได้ให้กับประเทศเข้ามา 1-2 ล้านล้านบาท

โดยจากมาตรการเปิดประเทศจะทำให้จีดีพีของไทยเพิ่มขึ้น 0.3% หากภาพรวมการขยายตัวเศรษฐกิจทั้งปีจะอยู่ที่ 0.5 ถึง 2% ส่วนภาพของการส่งออกจากที่มองไว้ว่าทั้งปีไทยจะส่งออกอยู่ที่ 5% ถึง 7% แต่เชื่อว่าจะมีโอกาสโตได้มากกว่า 7% เนื่องจากจะมีการเดินทางของผู้นำเข้าซึ่งจะเกิดคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น อย่างไรก็ดี ยังเชื่อว่าวัคซีนจะเป็นคำตอบสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศเดินหน้าไปได้