บีซีพีจี ปลื้มโครงการมอนสูนโรงไฟฟ้าพลังงานลมข้ามพรมแดนลาว-เวียดนามฉลุย

บีซีพีจี เผยการไฟฟ้าเวียดนาม-IEAD ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการมอนสูนโรงไฟฟ้าพลังงานลมข้ามพรมแดนสำเร็จเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชีย 600 เมกะวัตต์ คาดดำเนินการเชิงพาณิชย์ปี 2568

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา การไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (EVN) และ บริษัท อิมแพค เอนเนอร์ยี่ เอเซีย ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (Impact Energy Asia Development Limited-IEAD) ร่วมลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม “โครงการมอนสูน” ขนาด 600 เมกะวัตต์ ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เป็นระยะเวลา 25 ปี เรียบร้อยแล้ว

ทำให้โครงการมอนสูน เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย และเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมแห่งแรกที่มีการซื้อขายไฟฟ้าข้ามพรมแดน ระหว่าง สปป.ลาว และเวียดนาม ผ่านสายส่งขนาด 500 กิโลโวลต์ โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2565 และเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2568

โครงการมอนสูน เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานสีเขียวครอบคลุมพื้นที่ในแขวงเซกองและอัตตะปือ ทางตอนใต้ของ สปป.ลาว จะเป็นแหล่งผลิตพลังงานสะอาดส่งไปยังเมืองดานัง เมืองท่าสำคัญของเวียดนามกลางตอนใต้ เพื่อรองรับการเติบโตด้านเศรษฐกิจของเวียดนาม รวมทั้งช่วยสร้างสมดุลด้านอุปสงค์และอุปทานให้กับโครงข่ายไฟฟ้าในเวียดนาม

โดยเฉพาะในฤดูแล้งซึ่งเป็นช่วงที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำ หรือเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าได้น้อย และยังมีส่วนช่วยผลักดันเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emissions) ของทั่วโลก ภายในปี 2050 โดยพลังงานสะอาดที่ผลิตได้ตลอดอายุของโครงการมอนสูน คาดว่ามีปริมาณเทียบเท่ากับการลดก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 35 ล้านตัน

ทั้งนี้ IEAD ได้เริ่มพัฒนาโครงการมอนสูน ซึ่งตั้งอยู่ในแขวงเซกองและอัตตะปือ ทางตอนใต้ของ สปป.ลาว มาตั้งแต่ปี 2555 “เรายังมีงานอีกมากมายที่ต้องดำเนินการให้สำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าข้ามพรมแดนในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จที่แสดงถึงความร่วมมือฉันมิตรระหว่างลาว เวียดนาม ญี่ปุ่น และไทย เพื่อมุ่งสู่ภารกิจสำคัญในระดับโลก

คือ บรรลุการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emissions) เราเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้กับภาวะการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และการมุ่งมั่นสร้างความสุขและยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนในชุมชน” คุณภราไดย สืบมา ประธาน IEAD กล่าว

“โครงการมอนสูนได้สะท้อนถึงความสมบูรณ์ของแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติของ สปป.ลาว ที่มีความสำคัญต่อภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะพลังงานลม ที่เอื้อต่อการผลิตพลังงานสะอาดและมีความเสถียร ที่สามารถหล่อเลี้ยงการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับเวียดนาม และประเทศเพื่อนบ้าน” คุณภราไดย กล่าว

นายบัณฑิต สะเพียรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทร่วมทุนของ IEAD เปิดเผยว่า เรายินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนที่พัฒนาโดยคนไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการในนามกลุ่มอิมแพค เอนเนอร์ยี่ กรุ๊ป ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท อิมแพค อิเลคตรอนส์ สยาม จำกัด (Impact Electrons Siam Company Limited-IES) ตลอดระยะเวลาอันยาวนานที่ได้รู้จักกับ IES เราชื่นชมในความคิดริเริ่ม และแนวทางการทำงานของ IES

โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความมุ่งมั่นตั้งใจในการพัฒนาโครงการนี้มาตั้งแต่เริ่มต้น ในฐานะหุ้นส่วนที่ใกล้ชิด บีซีพีจี ขอแสดงความยินดีกับ IEAD ในการก้าวสู่ความสำเร็จครั้งสำคัญ และมั่นใจว่าโครงการมอนสูน จะสร้างคุณประโยชน์ให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง รวมถึงชุมชนในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสร้างความยั่งยืนให้กับโลกของเรา

อนึ่ง IEAD เป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท อิมแพค วินด์ อินเวสเม้นท์ จำกัด และ บีซีพีจี โดยถือหุ้นร้อยละ 55 และ 45 ตามลำดับ ทั้งนี้ บริษัท อิมแพค วินด์ อินเวสเม้นท์ จำกัด มีผู้ถือหุ้น 2 บริษัท คือ บริษัท ไดมอนด์ เยนเนอเรติ้ง เอเซีย จำกัด (Diamond Generating Asia Limited) เป็นบริษัทในเครือของ มิตซูบิชิ คอร์เปอเรชั่น (Mitsubishi Corporation) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ถือหุ้นร้อยละ 43 และบริษัทในเครือของ IES ซึ่งเป็นผู้พัฒนาพลังงานทดแทนระดับภูมิภาคของเอกชนไทย ถือหุ้นร้อยละ 57