เปิด 7 บริการนำเข้า-ส่งออกช่วงโควิด เพื่ออำนวยความสะดวกไม่ให้สะดุด

กรมการค้าต่างประเทศดัน 7 มาตรการเพื่อให้บริการในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้สามารถนำเข้า-ส่งออกสินค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และไร้อุปสรรค

วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้กรมเร่งเดินหน้าอำนวยความสะดวกทางการค้าและขับเคลื่อนการส่งออกสินค้า ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยนำรายได้เข้าประเทศในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กรมจึงได้เดินหน้า 7 มาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบให้แก่ผู้ประกอบการและปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลในการลดการเดินทางที่ไม่จำเป็นและการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ดังนี้

กีรติ รัชโน

1.ขยายเวลาวันหมดอายุสำหรับบัตรประจำตัวผู้ส่งออก-นำเข้าสินค้า และบัตรประจำตัวผู้รับมอบอำนาจที่จะหมดอายุในช่วงระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม-31 ธันวาคม 2564 ออกไปอีก 5 เดือนโดยอัตโนมัติ ในส่วนของกรณีจำเป็นต้องจัดทำบัตรประจำตัวผู้ส่งออก-นำเข้าสินค้า และบัตรประจำตัวผู้รับมอบอำนาจใหม่ ผู้ประกอบการสามารถยื่นคำขอพร้อมส่งเอกสารทางไปรษณีย์ และกรมจะจัดส่งบัตรให้ผู้ประกอบการทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมายังกรม

2.อนุญาตให้ผู้ประกอบการส่งคำขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออก-นำเข้าสินค้าที่มีมาตรการควบคุมการส่งออก-นำเข้าผ่านทางไปรษณีย์ พร้อมสามารถตรวจสอบผลการพิจารณาและเลขทะเบียนผ่านระบบลงทะเบียนผู้ประกอบการออนไลน์ของกรม (Registration Database) ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

3.เชิญชวนให้ผู้ประกอบการเลือกใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (e-Form D) หรือการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง (ASEAN Wide Self Certification : AWSC) สำหรับการส่งออกไปยังประเทศสมาชิกอาเซียน แทนการใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบกระดาษ

4.ผลักดันการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยระบบการลงลายมือชื่อและตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ (ESS) ซึ่งสะดวกและรวดเร็ว เนื่องจากเป็นการลดขั้นตอน ลดระยเวลา และลดการสัมผัสกระดาษ

5.เพิ่มการให้บริการออกหนังสือสำคัญการส่งออก-นำเข้าสินค้าแบบไร้เอกสาร (Paperless) โดยการเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมศุลกากรผ่านระบบ National Single Window (NSW) ส่งผลให้ผู้ประกอบการไม่ต้องนำเอกสารแบบกระดาษไปประกอบพิธีการทางศุลกากร

6.อนุญาตให้ผู้ประกอบการใช้แบบฟอร์มรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองตามที่กรมกำหนดมายื่นประกอบการขอรับหนังสือรับรองแสดงการได้สิทธิชำระภาษีตามพันธกรณีตามความตกลงการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ในช่วงระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม-31 ธันวาคม 2564 กรณีที่ผู้ประกอบการไม่สามารถนำ C/O จากประเทศต้นทางมาแสดงได้เนื่องจากประเทศต้นทาง Lockdown

7.รับชำระเงินผ่านการสแกน QR Code หรือ การโอนเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment)

นายกีรติกล่าวอีกว่า มาตรการทั้งหมดจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยยังคงสามารถส่งออก-นำเข้าสินค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และไร้อุปสรรค นอกจากนี้ กรมยังมีมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยได้สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ของกรมการค้าต่างประเทศได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งจัดทำระบบ Timeline a Day Report เพื่อให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของกรมเข้าไปกรอกข้อมูลการเดินทางและกิจกรรมที่ได้ดำเนินการในแต่ละวัน

เช่น สถานที่ที่ไปทำกิจกรรม ช่วงเวลา และรูปแบบการเดินทาง เป็นต้น เพื่อให้กรมสามารถเฝ้าติดตามได้กรณีหากผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ของกรมได้ไป สัมผัสผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือสนับสนุนที่ดีอย่างยิ่งในการช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการว่า กรมได้เฝ้าระวังและห่วงใย รวมถึงคำนึงความปลอดภัยอย่างเต็มที่ต่อการให้บริการที่เป็นเลิศแก่ผู้ประกอบการ

ผู้ประกอบการสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักบริการ การค้าต่างประเทศ โทร 0-2547-4830 และ 0-2547-4838 (ประเด็นหนังสือสำคัญการส่งออก-นำเข้าสินค้า การใช้ e-Form D และระบบ ESS) และโทร 0-2547-4829 และ 0-2547-4837 (การทำบัตรประจำตัวผู้ส่งออก-นำเข้าสินค้า และขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออก-นำเข้าสินค้า) หรือเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th และสายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ 1385