เศรษฐกิจในประเทศ

เตรียมคุ้ยต้นทุนน้ำมันพรีเมี่ยม อธิบดีธพ.บอกไม่เคยเติม-แพงกว่า3-4 บาท

กรมธุรกิจพลังงานออกโรงชี้น้ำมันพื้นฐานได้มาตรฐานตามกฎหมายกำหนด ถามผู้บริโภคจะเติมน้ำมันพรีเมี่ยมที่แพงกว่า 3-4 บาท ทำไม เล็งประสานทุกปั๊มทั่วประเทศติดป้ายแสดงประเภทน้ำมันให้ชัดเจน-หารือ สนพ.คุ้ยต้นทุนราคาเหมาะสมหรือไม่ ด้านเชลล์ครองตลาดน้ำมันพรีเมี่ยมทั้งกลุ่มแก๊สโซฮอล์และดีเซล ส่วนเอสโซ่เตรียมทำตลาดพรีเมี่ยม แก๊สโซฮอล์ พลัส 95

ภายหลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงอย่างมาก ทำให้ผู้บริโภคหันมาเติมน้ำมันมากขึ้น และได้กลายเป็นโอกาสของบริษัทผู้ค้าน้ำมันในการทำตลาดน้ำมันเกรดพรีเมี่ยม และที่สำคัญสามารถตั้งราคาจำหน่ายได้สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับราคาน้ำมันปกติ ส่งผลให้ค่าการตลาด (marketing margin) สูงขึ้นตามไปด้วย จากเดิมที่ได้เพียง 1.30-1.60 บาท/ลิตร บางผลิตภัณฑ์มีราคาสูงกว่าน้ำมันปกติถึง 4 บาท/ลิตร จึงทำให้มีผู้ร้องเรียนเข้ามายังกรมธุรกิจพลังงานก่อนหน้านี้ เพื่อให้มีการตรวจสอบต้นทุนราคาน้ำมันในกลุ่มพรีเมี่ยมว่าเป็นการค้ากำไรเกินควรหรือไม่

รายงานข่าวจากกรมธุรกิจพลังงานระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ค้าที่จำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์เกรดพรีเมี่ยมรวม 2 ราย คือ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด โดยเชลล์ครองตลาดนี้ ด้วยยอดขาย 1.09 ล้านลิตร/วัน ส่วนผู้ค้าที่จำหน่ายน้ำมันดีเซลเกรดพรีเมี่ยม รวม 6 ราย คือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท.บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด รวมถึงเชลล์ และเอสโซ่ ซึ่งในกลุ่มนี้เชลล์ก็ยังครองตลาด ด้วยยอดขาย 1.45 ล้านลิตร/วัน

นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตามที่มีผู้ร้องเรียนเข้ามาถึงราคาน้ำมันในเกรดพรีเมี่ยมที่มีราคาจำหน่ายค่อนข้างสูงจากราคาน้ำมันพื้นฐานถึง 3-4 บาท/ลิตรนั้น กรมธุรกิจฯขอยืนยันว่า น้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลเกรดธรรมดามีคุณภาพได้มาตรฐานตามที่กำหนด และเป็นที่ยอมรับของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์อยู่แล้ว ฉะนั้นผู้บริโภคไม่มีความจำเป็นต้องเติมน้ำมันเกรดพรีเมี่ยมที่มีราคาแพงแต่อย่างใด ทั้งนี้ ผู้บริโภคควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจเติมน้ำมันในแต่ละชนิดด้วย นอกจากนี้ในส่วนของกรมธุรกิจฯได้เตรียมดำเนินการใน3 เรื่อง คือ 1) ขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันทุกรายในการติดป้ายให้ชัดเจนในแต่ละหัวจ่ายน้ำมันว่าเป็นน้ำมันประเภทอะไร 2) เตรียมหารือกับสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในการตรวจสอบต้นทุนที่แท้จริงของน้ำมันพรีเมี่ยมว่าเป็นอย่างไร และ 3) ประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคมีความรู้ในการเลือกใช้น้ำมันมากขึ้น

ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจค้าน้ำมันได้ประกาศให้เป็นตลาดเสรีมานานแล้ว และเมื่อพิจารณาตามพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง ฉบับที่ใช้ในปัจจุบัน ภาครัฐไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงราคา เว้นแต่ว่าเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ใช้น้ำมันพรีเมี่ยมแล้ว เครื่องยนต์มีปัญหา กรมธุรกิจฯจึงจะสามารถเข้าไปดูแลแก้ไขได้ นอกจากนี้ หน้าที่หลักของกรมธุรกิจฯคือ เน้นการดูแลด้านความมั่นคงทางพลังงานเพื่อไม่ให้มีปัญหาขาดแคลนเกิดขึ้น

Advertisment

“รถยนต์ของผมเองก็ไม่ได้เติมพรีเมี่ยม เพราะมั่นใจในมาตรฐานของน้ำมันพื้นฐานที่ได้มาตรฐานอยู่แล้ว ส่วนผู้บริโภคที่ต้องการใช้น้ำมันพรีเมี่ยมก็ต้องพิจารณาเองว่า ราคาน้ำมันที่สูงกว่า 3-4 บาท/ลิตร คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายหรือไม่ หรือถ้ามองว่าเป็นการค้ากำไรเกินควรก็ไม่จำเป็นต้องเติมเพราะไม่ได้บังคับ อยู่ที่การเลือกใช้ของผู้บริโภค”

ด้านนายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ค้าปลีกน้ำมันในประเทศถือว่าเป็นธุรกิจเสรี การจะทำตลาดน้ำมันอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับผู้ค้า และผู้ที่ทำหน้าที่กำกับดูแล คือ กรมธุรกิจพลังงานที่จะต้องพิจารณาว่า การทำตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละประเภทเป็นอย่างไร ราคาจำหน่ายสะท้อนต้นทุนและมีความเหมาะสมหรือไม่

ขณะที่นายเจษฎา ชั้นเชิงกิจ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารและโฆษณา ด้านการตลาดขายปลีก ภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก บริษัท เอ็กซอนโมบิล จำกัด กล่าวว่า ภายหลังจากที่ได้เปิดตัวน้ำมันพรีเมี่ยม “ซูพรีม แก๊สโซฮอล์ พลัส 95” ไปเมื่อช่วงกลางปี 60 ที่ผ่านมานั้น เร็ว ๆ นี้เตรียมจัดแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ทำการตลาดน้ำมันพรีเมี่ยม กลุ่มน้ำมันดีเซลไปแล้ว คือ “น้ำมันซูพรีม ดีเซล พลัส” ซึ่งได้การตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค