CPF ลดเสี่ยงบาลานซ์พอร์ต ต้นทุนเพิ่ม 10% ป้องกันหมูปลอดโรค ASF

อหิวาต์แอฟริกันในหมู ASF ไม่กระทบเป้า CPF ด้วยวิธีบริหารจัดการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตธุรกิจของบริษัท มีสัดส่วนการส่งออกในหลายประเทศ พร้อมสร้างสมดุลประเภทของเนื้อสัตว์ที่ผลิต มั่นใจประเทศไทยจะขจัดโรค ASF ได้ภายใน 1 ปี แนะผู้เลี้ยงต้องวางระบบ-การจัดการฟาร์มเพื่อป้องกันโรค ถึงต้นทุนการเลี้ยงจะเพิ่มก็ต้องทำ

การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกันในหมู หรือ ASF ซึ่งพบแล้วกว่า 18 จังหวัดทั่วประเทศ และเชื่อว่ามีการระบาดมาก่อนหน้านี้เป็นวงกว้าง ได้สร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ส่งผลให้ผู้เลี้ยงสุกรต้องเร่งปรับตัวและหาทางป้องกันโรคระบาดที่ยังไม่มียารักษาและไม่มีวัคซีนป้องกัน จนทำให้ปริมาณการเลี้ยงหมูภายในประเทศต้องลดลงอย่างฮวบฮาบ

ล่าสุดนายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (ASF) ว่ายังไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทที่ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ เนื่องจากบริษัทมีการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตของธุรกิจด้วยสัดส่วนการส่งออกในหลายประเทศ และการสร้างความสมดุลของประเภทเนื้อสัตว์ที่ CPF จำหน่าย โดยที่ผ่านมา CPF มีการลงทุนใน 16 ประเทศทั่วโลก “เรามั่นใจว่าจะสามารถบาลานซ์พอร์ตได้เป็นอย่างดี”

ทั้งนี้ ในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ทราบข่าวว่ามีการระบาดของโรค ASF จากยุโรป-รัสเซีย-เวียดนาม-จีน ก่อนที่จะพบโรค ASF ในประเทศไทย CPF ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อป้องกันโรค ASF ในฟาร์มหมูของบริษัท ทั้งการวางระบบโรงเรือน-ฟาร์ม จัดทำระบบคอมพาร์ตเมนต์ การปฏิบัติตามมาตรการในเรื่องของระบบความปลอดภัยด้านชีวภาพ (biosecurity system) อย่างเข้มงวด ประกอบกับมีการระบาดของโควิด-19 เกิดขึ้นในประเทศด้วย ดังนั้น CPF จึงได้ปรับการทำงานในฟาร์มจากใช้คนเข้าฟาร์มให้อาหารหมูก็เปลี่ยนเป็นการใช้การต่อท่อจากถังไซโลไปยังฟาร์มอย่างรัดกุม ในส่วนนี้ทำให้บริษัทมีภาระต้นทุนการเลี้ยงหมูเพิ่มกว่า 10% อย่างไรก็ดี CPF มองว่าผู้ประกอบการเองก็ต้องปรับตัว ต้องมีการลงทุนเพื่อการพัฒนามากขึ้น

Advertisment

ส่วนประเด็นที่ว่าหากจะมีการนำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศ อาจทำให้ราคาหมูในประเทศถูกลงนั่น นายประสิทธิ์กล่าวว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอนก็คือ เกษตรกรรายย่อยที่รอดจากการระบาดจะขายหมูไม่ได้เลย ทาง CPF เชื่อว่าสถานการณ์ปริมาณหมูในตลาดต้องใช้เวลาในการผลิตไปอีกสักระยะ แต่ขณะนี้ก็เริ่มเห็นราคาหมูปรับลดลงมาต่อเนื่อง ที่เคยกังวลกันว่าช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมาจะทำให้ราคาหมูปรับสูงขึ้นอีก แต่ก็พบว่าช่วงที่ราคาหมูปรับสูงขึ้นผู้บริโภคก็หันไปบริโภคสินค้าทางเลือกอื่น ๆ ทดแทนหมู แต่ด้วยการจัดการระบบฟาร์มในประเทศไทยค่อนข้างดี เข้มงวดและมีความร่วมมือประสานงานกับกรมปศุสัตว์ ทำให้มั่นใจว่าประเทศไทยจะสามารถขจัดโรค ASF ได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปีจากนี้ไป

นอกจากนี้ CPF ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือด้านวิชาการ การศึกษาวิจัย รวมถึงการดำเนินกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาชุมชนเพื่อนำองค์ความรู้ไปต่อยอดด้านงานวิจัย ช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารของไทยบนเวทีโลกได้ โดยล่าสุด CPF ได้ลงนามการปรับปรุง “พันธุ์กัญชาไทย” ให้มีคุณภาพและมีเอกลักษณ์ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันการศึกษาชั้นนำที่มีความเป็นเลิศในด้านการเกษตร และวิทยาศาสตร์อาหาร

โดยความคืบหน้าเกี่ยวกับกัญชง ปีนี้ CPF จะมุ่งเน้นไปที่ “ธุรกิจอาหารกัญชง” ต่อเนื่องหลังจากที่ได้เซ็น MOU ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในการพัฒนาการผลิตและผลิตภัณฑ์อาหารจากกัญชง คาดว่าอีกไม่นานจะเห็นความชัดเจนในผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเครื่องดื่ม และกลุ่มอาหาร แต่เรื่องของอาหารยังมีข้อจำกัดที่อยู่ระหว่างพัฒนา ซึ่งจะมุ่งเน้นตลาดในประเทศโดยใช้การลงทุนไม่มากนัก ทั้งนี้ บริษัทมี “CPF RD Center” ใช้เป็นศูนย์พัฒนาวิจัย R&D ด้านอาหารมาตรฐานระดับโลกที่มีเทคโนโลยีทันสมัยสำหรับการสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหารอย่างครบวงจร

“ตอนนี้เราจะมุ่งไปที่กัญชงเป็นหลักมีการลงทุนเรื่องของต้นน้ำ การปลูก เเล็บ การสกัดต่าง ๆ ส่วนตลาดและการแข่งขัน ผมมองว่าต่างประเทศอาจจะแชลเลนจ์มาก คาดว่าจะต้องใช้เวลา เราจึงวางแผนตลาดในประเทศก่อน หากในประเทศสำเร็จแล้วจึงจะส่งออกต่างประเทศ ซึ่งในประเทศไทยยังมีข้อจำกัดและความแตกต่างเรื่องของ regulation อยู่” นายประสิทธิ์กล่าว

Advertisment