เปิดผลประชุม จนท.อาวุโสเอเปก นัดแรก ก.เกษตรฯชูความมั่นคงอาหาร-BCG โมเดล

เปิดฉากไทยเจ้าภาพเอเปก ปี 2565 สศก.จัดประชุม PPFS และคณะทำงานร่วม PPFS-OFWG ชูแนวทางของไทย “OPEN CONNECT BALANCE” พร้อมผลักดันความมั่นคงอาหารและระบบเกษตร ด้วยนโยบาย 3S และ BCG Model

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) และโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลการประชุมภายใต้เจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปก ครั้งที่ 1 ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย สศก. เป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-16 กุมภาพันธ์ 2565 ว่าไทยได้นำเสนอหัวข้อหลักและประเด็นสำคัญที่จะขับเคลื่อนในฐานะเจ้าภาพการประชุมเอเปก ปี 2565 ของไทย คือ “OPEN, CONNECT, BALANCE” หรือ “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” และสนับสนุนให้โมเดลเศรษฐกิจ Bio-Circular-Green (BCG) เป็นแนวคิดพื้นฐาน

ฉันทานนท์ วรรณเขจร

โดยมุ่งเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ยุคหลังโควิด-19 ที่ต้องสร้างความเจริญเติบโตอย่างครอบคลุม สมดุล และยั่งยืน การเปิดเสรีการค้าการลงทุน นอกจากนี้ ได้รายงานความคืบหน้าด้านความมั่นคงอาหารของไทย ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ได้แก่ การขับเคลื่อนนโยบาย 3S ของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่ากากรระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การจัดทำปฏิทินผลผลิตสินค้าเกษตร รายเดือนระดับจังหวัด (Provincial Crop Calendar) และโครงการการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคเกษตร เพื่อเพิ่มการฟื้นตัวและความยั่งยืนในพื้นที่สูง ตลอดจนความร่วมมือกัน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asia Development Bank: ADB) ในการจัดทำโครงการจุดสาธิตการทำเกษตรบนพื้นที่สูงในจังหวัดน่าน เพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศอีกด้วย

ทั้งนี้ เขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปก ได้มีการแลกเปลี่ยนนโยบายด้านความมั่นคงอาหารที่สำคัญ ได้แก่ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อลดการสูญเสียอาหาร การสร้าง Platform ออนไลน์ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวปฏิบัติด้านความมั่นคงอาหาร การสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนการสร้าง Smart Farmers และการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรมในการเพิ่มประสิทธิภาพในภาคเกษตรและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคเกษตร และให้การช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกร เป็นต้น

ขณะที่การประชุมร่วมระหว่างคณะทำงาน PPFS และ OFWG (วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565) เป็นเวทีหารือระหว่าง 2 คณะทำงาน เพื่อนำเสนอกิจกรรมที่มีความสอดคล้องการเสริมสร้างความมั่นคงอาหารในภูมิภาคเอเปก รวมถึงการแสวงหาแนวทางความร่วมมือระหว่างกันเพื่อขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการภายใต้แผนงานความมั่นคงอาหาร มุ่งสู่ปี ค.ศ. 2030

โดยมี กรมประมง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมผู้แทนจากหน่วยงานภายในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเข้าร่วม ซึ่งได้มีการเสนอแผนปฏิบัติการภายใต้แผนงานความมั่นคงอาหารมุ่งสู่ปี ค.ศ. 2030 เพื่อเป็นแนวทางพัฒนาการดำเนินงานด้านความมั่นคงอาหารในภูมิภาคเอเปกเมื่อต้องเผชิญกับความท้าทายที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และนำเสนอร่างปฏิญญาความมั่นคงอาหารเอเปค ปี 2022 อันเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของเขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปก ในการผลักดันการขับเคลื่อนการสร้างความมั่นคงอาหารและการเกษตรที่ยั่งยืน

“สำหรับแผนปฏิบัติการภายใต้แผนงานความมั่นคงอาหารมุ่งสู่ปี ค.ศ. 2030 และร่างปฏิญญาความมั่นคงอาหารเอเปก ปี 2022 มีความสอดคล้องกับภารกิจสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการผลักดันความมั่นคงอาหารและการเกษตร ที่เน้นการขับเคลื่อนนโยบาย 3S ทั้งเรื่อง Safety Security และ Sustainability ผ่านการส่งเสริมความปลอดภัยอาหารให้ได้มาตรฐานสากล ถูกหลักโภชนาการ

รวมถึงส่งเสริมเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมที่เชื่อมโยงการพัฒนาฐานข้อมูลด้วยระบบ Big Data ด้านดิน น้ำ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และโรคระบาดของพืชและสัตว์ และที่สำคัญ คือ การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเศรษฐกิจดิจิทัล ที่ขับเคลื่อนภาคเกษตร ด้วย BCG Model ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณสมาชิกเอเปกทุกท่านที่ให้การสนับสนุน ส่งผลให้การประชุมประสบความสำเร็จและผ่านไปด้วยดี และถือเป็นโอกาสอันดีของไทย และสมาชิกเอเปก ที่ได้จับมือร่วมกันเพื่อส่งเสริมความมั่นคงอาหารของภูมิภาคเอเปกให้ยั่งยืน” เลขาธิการ สศก. กล่าว