กรมประมงตรวจจับ 15 แรงงานต่างด้าวใช้ Seabook ปลอม ปรับเจ้าของเรือ 6 ล้าน

กรมประมงจับ 15 แรงงานต่างด้าวใช้ Seabook ปลอม

กรมประมงตรวจเรือกลางทะเลชลบุรีพบการใช้หนังสือคนประจำเรือ ‘Seabook’ ปลอม 15 ราย เร่งดำเนินคดีตามกฎหมาย ลงโทษสถานหนัก ปรับเจ้าของเรือประมงอวนลากคู่ที่มีแรงงานต่างด้าวใช้เอกสารปลอม รวม 6 ล้านบาท

วันเที่ 19 มีนาคม 2565 นายบัญชา  สุขแก้ว  รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า หลังได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลอ่างศิลา (ชลบุรี) เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกปฏิบัติการตรวจกลางทะเล ตรวจพบการใช้หนังสือคนประจำเรือสำหรับแรงงานต่างด้าว (Seabook) ปลอม บนเรือประมงอวนลากคู่ บริเวณอ่าวแสมสาร ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พบการ ใช้เอกสารแทน seabook ปลอม ในแรงงาน 11 ราย

จากนั้นได้มีการขยายผลโดยเจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า – ออก ชลบุรี ได้ตรวจพบการใช้เอกสารปลอมในลักษณะเดียวกัน  จำนวน 4 ราย จึงได้ออกคำสั่งเรียกเรือประมง กลับเข้าฝั่ง และพบแรงงานต่างด้าวใช้เอกสารปลอมจริง

ซึ่งทั้ง 2 กรณี เจ้าหน้าที่จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ นำผู้ต้องหาและของกลาง ส่งยัง สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อดำเนินคดีต่อไป รวมเรืออวนลาก 2 คู่ (เรือ 4 ลำ) และแรงงาน 15 ราย

“การดำเนินการครั้งนี้ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดตรวจสหวิชาชีพ ประกอบด้วย ศรชล  กรมประมง  กรมเจ้าท่า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมการจัดหางาน และล่าม ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวใช้เอกสารปลอมจริง เจ้าหน้าที่จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ นำผู้ต้องหาและของกลาง ส่งยัง สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อดำเนินคดีต่อไป”

โดยทั้ง 2 กรณีดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามมาตรา 83 ฐานความผิด เป็นเจ้าของเรือใช้แรงงานต่างด้าวทำงานบนเรือโดยไม่มีหนังสือคนประจำเรือ ซึ่งต้องได้รับโทษตามมาตรา 153  ปรับ 400,000 – 800,000 บาท ต่อคนประจำเรือหนึ่งคน ซึ่งกรณีนี้ เจ้าของเรือประมงอวนลากคู่ เคสที่ 1 มีแรงงานต่างด้าวใช้เอกสารปลอม 11 ราย ต้องเสียค่าปรับไม่ต่ำกว่า 4,400,000 บาท

ส่วนอวนลากคู่ เคสที่ 2 มีแรงงานต่างด้าวใช้เอกสารปลอม 4 ราย ต้องเสียค่าปรับไม่ต่ำกว่า 1,600,000 บาท และมีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอมด้วย อีกทั้งกรมประมงจะดำเนินการมาตรการทางการปกครองโดยเพิกถอนใบอนุญาตทำการประมงของเจ้าของเรือ และเจ้าของเรือจะเป็นบุคคลต้องห้ามตามมาตรา 39 ขาดคุณสมบัติในการได้รับใบอนุญาตทำการประมงในรอบถัดไป เป็นเวลา 5 ปี และกรมประมงจะขยายผลติดตามกรณีนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง

นายบัญชา กล่าวว่า หลังจากนี้ กรมประมงจะมีการขยายผลต่อไปว่ามีการลักลอบกระทำความผิดในลักษณะนี้อีกหรือไม่ และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับพี่น้องชาวประมง และเข้มงวดในการตรวจสอบเพื่อป้องกันการทำประมงผิดกฎหมายและการแก้ไขปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ดร.เฉลิมชัย  ศรีอ่อน  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องเข้มงวดกวดขั้นในเรื่องนี้เป็นพิเศษ โดยใช้หลัก 3 ป. คือ ป้อง ปราม และปราบ ซึ่งที่ผ่านมากรมประมงได้ดำเนินการในเรื่องของการควบคุมเฝ้าระวังป้องกันและแก้ไขปัญการทำประมงผิดกฎหมายและแรงงานประมงผิดกฎหมายอย่างจริงจัง ซึ่งนายเฉลิมชัย  สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมงมอบให้แก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์ ตามนโยบายที่ รัฐบาลให้ความสำคัญ”

โดยในส่วนของแรงงานภาคการประมง มีการประกาศใช้กฎหมายคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพและสวัสดิการแรงงานประมงที่เจ้าของเรือประมงจะต้องดำเนินการไว้อย่างชัดเจน อาทิ ค่าจ้าง  เงินตอบแทน  หลักประกันสุขภาพ  วันหยุดพักผ่อน เวลาทำงาน อาหารน้ำดื่ม ที่พัก ฯลฯ และหากเจ้าของเรือไม่ปฏิบัติตามมีโทษทางกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานต่างด้าวบนเรือประมง ซึ่งจะต้องมีหนังสือคนประจำเรือ (seabook) เพื่อบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวให้อยู่ในระบบที่รัฐสามารถดูแลได้อย่างทั่วถึงเป็นการป้องกันการค้ามนุษย์