กรมพัฒน์ฯจับมือพันธมิตรยกระดับโชห่วย ประเดิม 12 จังหวัด 4 ภูมิภาค

โชห่วย

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าดึงพันธมิตร ร่วมเดินหน้าจับมือกันพัฒนาและยกระดับร้านค้าส่งค้าปลีกสู่การเป็นสมาร์ทโชห่วย ช่วยให้ธุรกิจรายเล็กเติบโตอย่างมั่นคง ประเดิม 12 จังหวัดใน 4 ภูมิภาค

วันที่ 27 เมษายน 2565 นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่งค้าปลีกอยู่ประมาณ 400,000 ราย ในจำนวนนี้ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและหน่วยงานพันธมิตร โดยผลักดันไปสู่การเป็นสมาร์ทโชห่วยแล้วจำนวน 34,572 ราย แม้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาธุรกิจเหล่านี้ อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ก็ไม่มากนักเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น ๆ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว หรือร้านอาหาร

ทศพล ทังสุบุตร
ทศพล ทังสุบุตร

เนื่องจากเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันของประชาชนทุกครัวเรือน อีกทั้งธุรกิจนี้ยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กลยุทธ์สร้างโมเดลธุรกิจค้าปลีกรายย่อย หรือ “โชห่วย” เพื่อขยายตลาดออกไปรอบนอกมากขึ้น รองรับฐานลูกค้าชุมชนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น กล่าวได้ว่าเป็นตลาดเนื้อหอมที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีร้านค้าโชห่วยแบรนด์ใหม่ ๆ ขยายตัวอย่างรวดเร็ว อาทิ ถูกดี มีมาตรฐาน (คาราบาวแดง) โดนใจ (บิ๊กซี) ขายดี (โลตัส) เป็นต้น

“การขยายตัวของธุรกิจโชห่วยนำมาซึ่งโอกาสและความท้าทาย ในด้านโอกาสผู้ประกอบการมีทางเลือก ในการดำเนินธุรกิจได้มากขึ้น มีผู้ช่วยในการบริหารจัดการทั้งในด้านการตลาดและเทคโนโลยี แต่ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการ ก็จะมีความท้าทายที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น ซึ่งหากไม่ยอมปรับตัวก็จะสูญเสียโอกาสทางธุรกิจไปอย่างง่ายดาย”

ด้วยเหตุนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจึงเร่งเดินหน้าพัฒนาผู้ประกอบการ โดยผลักดันไปสู่การเป็นสมาร์ทโชห่วย ซึ่งเป็นนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) โดยสมาร์ทโชห่วย หมายถึงร้านค้าที่มีภาพลักษณ์ที่ดี มีการใช้เทคโนโลยีมาบริหารจัดการร้านมีช่องทางออนไลน์สำหรับให้บริการลูกค้า โดยเป้าหมายในการพัฒนาร้านค้าสู่การเป็นสมาร์ทโชห่วยมี 4 ประการ

คือ 1) เพิ่มรายได้ 2) ลดต้นทุน 3) สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ และเมื่อผู้ประกอบการสมาร์ทโชห่วยมีความเข้มแข็งและมีศักยภาพเพียงพอ ก็จะสามารถช่วยเหลือชุมชน นำไปสู่การบรรลุเป้าหมาย 4) กระจายรายได้สู่ชุมชน โดยร้านค้าสมาร์ทโชห่วยจะเป็นแหล่งรับซื้อ-ขายสินค้าจากชุมชน ช่วยสร้างรายได้ให้คนในชุมชน และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศต่อไป

ในปี 2565 นี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร เพื่อร่วมกันยกระดับการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการให้ครอบคลุมในหลายมิติ ตั้งแต่การเสริมสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการผ่านการจัดสัมมนาแบบออนไลน์และออนไซต์ทั่วประเทศ การปรับภาพลักษณ์ร้านค้าให้ทันสมัย แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น การส่งเสริมให้ร้านค้าโชห่วยนำระบบ POS มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ

โชห่วย

รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเครือข่ายพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่น (Local Modern Trade) ที่พร้อมจะร่วมพัฒนาร้านค้าสมาชิกให้เติบโตไปด้วยกัน ผู้ผลิตสินค้าชุมชนและผู้ให้บริการเสริมที่จะช่วยสร้างจุดแข็งและเพิ่มรายได้ให้ร้านค้าโชห่วย ผู้ให้บริการเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่จะช่วยลดต้นทุนในการสั่งซื้อตลอดจนเพิ่มโอกาสในการขายสินค้า รวมทั้งสถาบันการเงินที่จะมานำเสนอแหล่งเงินทุนให้ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการรายย่อย

สำหรับการพัฒนาขั้นพื้นฐานให้กับร้านโชห่วยนั้น กรมได้เริ่มจัดสัมมนาให้ความรู้ด้วยหลักสูตร “ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ สร้างเครือข่าย สู่การเป็นสมาร์ทโชห่วย” โดยกำหนดจัดขึ้นรวม 12 ครั้งใน 4 ภูมิภาค ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้

ซึ่งได้จัดสัมมนาครั้งแรกไปแล้วที่จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และในเดือนเมษายนนี้จะจัดอีก 2 ครั้ง ที่กรุงเทพฯ และระยอง ต่อด้วยจังหวัดยโสธร นครสวรรค์ ลำพูน ในเดือนพฤษภาคม จังหวัดภูเก็ต นครราชสีมา ลำปาง อุดรธานี ในเดือนมิถุนายน สิ้นสุดที่จังหวัดตรัง และปราจีนบุรี ในเดือนกรกฎาคม ตามลำดับ

ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารงานสัมมนาและกิจกรรมอื่น ๆ ของโครงการสมาร์ทโชห่วยได้ที่ Facebook Fanpage : สมาร์ทโชห่วย และ www.dbd.go.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนส่งเสริมธุรกิจการค้า กองส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร. 0-2547-5986 e-mail : [email protected]