นักวิชาการ มธ. ชี้ศก.ไทยครึ่งปีหลังขยายตัว แนะจับตาอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนกระทบจีดีพี

นักวิชาการ มธ. ชี้เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังขยายตั ว จากปัจจัยการลงทุนและส่งออกที่เติบโตขึ้น แนะจับตาอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน กระทบจีดีพี

นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) คาดเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลั งมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นกว่าในครึ่งปีแรก โดยอัตราการเจริญเติบโตทั้งปี น่าจะอยู่ในระดับ 3.58 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย โดยเชื่อว่าเป็นผลมาจากการลงทุน ภาครัฐที่เป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ในขณะเดียวกันการลงทุนภาคเอกชนจ ะกระเตื้องขึ้น ทั้งปีน่าจะอยู่ที่ระดับ 3.2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการขยายตั วด้านการส่งออกที่เติบโตขึ้ นประมาณ 5.2 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม หากการบริโภคและการลงทุนภาครัฐไ ม่เป็นไปตามที่รัฐบาลวางแผนไว้ อาจจะส่งผลในอัตราการเจริญเติบโ ตลดลงไปที่ระดับ 3.4 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันหากอัตราแลกเปลี่ยนโ ดยเฉพาะเงินบาทแข็งค่าไปอยู่ที่ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อาจจะทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

ผศ.ดร.เฉลิมพงษ์ คงเจริญ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่มีผลกระทบต่อทิศทา งเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2560 ยังคงเป็นภาวะเศรษฐกิจของประเทศ คู่ค้า การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและ ค่าเงินบาท โดยที่เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ สำคัญไม่ว่าจะเป็นจีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรปมีอัตราการเจริญเติ บโตที่สูงกว่าในปีที่ผ่านมา

ในขณะเดียวกันการคาดการณ์ล่าสุด ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้อัตราการเจริญเติบโตทางเ ศรษฐกิจในครึ่งปีหลังของปี 2560 คาดว่าจะกระเตื้องขึ้นกว่าในครึ่งปีแรก อัตราการเจริญเติบโตทั้งปี น่าจะอยู่ในระดับ 3.58 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย โดยเชื่อว่าการลงทุนภาครัฐเป็นก ลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันการท่องเที่ยวน่าจะเ ป็นกลจักรสำคัญอีกตัวหนึ่งที่ กระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวนนักท่องเที่ยวยังคงอยู่ในร ะดับสูงในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีจะมีประมาณ 34.5 ล้านคน อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังอยู่ในระ ดับต่ำ คาดการณ์ไว้ที่ 0.7 เปอร์เซ็นต์ หากค่าเงินบาทไม่แข็งค่าจนเกินไป

ผศ.ดร.เฉลิมพงษ์ กล่าวเสริมว่า การลงทุนภาคเอกชนจะกระเตื้องขึ้นและเติบโตทั้งปีน่าจะอยู่ที่ระ ดับ 3.2 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากการเพิ่มการลงทุนในด้า นเครื่องจักร ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการขยายตั วด้านการส่งออก ส่วนต้นทุนจากอัตราดอกเบี้ยและอั ตราแลกเปลี่ยนยังค่อนข้างต่ำ ในขณะที่การส่งออกจะเติบโตประมา ณ 5.2 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นมากกว่าในปีที่ผ่านมาเ นื่องจากการฟื้นตัวขึ้นของประเท ศคู่ค้า โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและยุโรป และการเติบโตต่อเนื่องจากภาคการ ท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชนปรับเพิ่มขึ้น 3.7 – 3.8 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากรายได้ที่ปรับตัวเพิ่ม สูงขึ้น ในขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อแล ะอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ

หากการบริโภคและการลงทุนภาครัฐไ ม่เป็นไปตามที่รัฐบาลวางแผนไว้ ซึ่งตัวเลขในไตรมาสหนึ่งที่ผ่าน มาการเจริญเติบโตของการบริโภคแล ะการลงทุนภาครัฐค่อนข้างต่ำ อาจจะส่งผลในอัตราการเจริญเติบโ ตลดลงไปที่ระดับ 3.4 เปอร์เซ็นต์ ปัจจัยอีกประการที่ต้องเฝ้าระวั งคือทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้น หากอัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่าขึ้นไปแตะระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งปีหลัง อาจจะทำให้อัตราการเจริญเติ บโตต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

หากพิจารณาการผลิตรายสาขาเศรษฐกิ จจะพบว่า สาขาหัตถอุตสาหกรรมยังคงมีปัญหา อัตราการเติบโตอยู่ในระดับต่ำ มีอัตราการเติบโตเพียงประมาณร้อ ยละ 1 เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้ผลิ ตยังอยู่ในระดับปานกลางและดัชนี ด้านการบริโภคของภาคครัวเรือนยั งเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ส่วนภาคก่อสร้างก็มีการชะลอตัวใ นไตรมาสที่ 1 และหากพิจารณาทั้งปีอัตราการเจริ ญเติบโตจะอยู่ประมาณ 4.2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต่ำเมื่อเทียบกับการเจริญเติ บโตในปีที่ผ่าน นอกจากนี้ภาคโรงแรมกับภัตตาคารก็ มีสัญญาณที่เติบโตช้ากว่าในช่ วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวเติ บโตในอัตราที่มิได้สูงเช่นปีที่ ผ่านๆมา ส่วนภาคเกษตรในปีนี้คาดการณ์ว่า จะมีอัตราการเติบโตที่สูงหลังจา กประสบปัญหาในปีที่ผ่านมา ผศ.ดร.เฉลิมพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ได้จัดงานเสวนา “จับตาเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง กระเตื้องหรือซึมยาว” โดยมี ผศ.ดร.เฉลิมพงษ์ คงเจริญ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศ ไทย และ ดร.ลัษมณ อรรถาพิช เศรษฐกรอาวุโสประจำประเทศไทย ธนาคารพัฒนาเอเชีย ร่วมเสวนา กิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ณ ห้อง 101 ชั้น 1 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์