ธุรกิจไมซ์ (MICE-Meeting, Incentive, Travel, Conventions, Exhibitions) หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดประชุมระดับนานาชาติ เป็นธุรกิจที่ทำเงินให้กับประเทศไทยสูง โดยในปีนี้คาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศกว่า 221,000 ล้านบาท (จากผลสำรวจของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือทีเส็บ)
การที่ธุรกิจด้านนี้จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จะต้องมีบุคลากรที่มีคุณภาพ
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยตอนนี้คือขาดบุคลากรสายไมซ์ ดังนั้น ในฐานะที่ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นองค์กรแถวหน้าของไทยในด้านไมซ์ และเห็นถึงความสำคัญของการป้อนคนเข้าสู่ธุรกิจนี้ จึงหาทางแก้ปัญหาโดยเริ่มที่การศึกษาก่อน เพราะเยาวชนไทยส่วนใหญ่ไม่เข้าใจธุรกิจไมซ์ หลายคนจึงไม่เลือกเรียน ส่วนบางคนที่เลือกเรียนแล้วจบออกมา กลับไม่ชอบรูปแบบงานจริง ทำให้ธุรกิจสายนี้มีอัตราการลาออกของคนสูง
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
อิมแพ็คจึงจัดทำโครงการ “กล้า MICE” เพื่อให้นักศึกษาเรียนรู้จากงานจริง สถานที่จริง และสามารถสัมผัสกับภาพรวมของธุรกิจนี้อย่างลึกซึ้ง
“ทมิตา จงสวัสดิ์วรกุล” ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า มหาวิทยาลัยในประเทศไทยยังไม่กล้าเปิดคณะที่เกี่ยวกับธุรกิจไมซ์โดยเฉพาะ โดยส่วนใหญ่เลือกทำเป็นสาขา หรือรายวิชา เนื่องจากกลัวไม่มีคนมาเรียน ทำให้นักศึกษาไม่มีความเข้าใจเรื่องไมซ์อย่างเต็มที่ และมองภาพไม่ออก
“เราจึงเริ่มนำร่องกับคณะวิทยาการจัดการ สาขาวิชาการจัดงานนิทรรศการ และงานอีเวนต์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เพราะปีที่แล้ว เรามีทำ MOU กับ ม.ศิลปากร ในการให้นักศึกษามาฝึกงานอยู่แล้ว โดยหลักสูตรของสาขานี้ นักศึกษาจะต้องฝึกงานตั้งแต่ชั้นปีที่ 2และฝึกอีกครั้งตอนปี 4 รวมทั้งหมด 800 ชั่วโมง จากปีแรกที่เราให้นักศึกษาชั้นปีที่ 2 มาฝึกงานที่อิมแพ็ค ตามแผนกต่าง ๆ ทำให้เราเห็นว่าพวกเขายังไม่พร้อมในการทำงาน ทีมฝ่ายทรัพยากรบุคคลจึงร่วมกันคิดหาทางออก แล้วสรุปออกมาเป็นโครงการกล้า MICE”
“เพียงแต่ช่วงเริ่มต้น เรายังไม่สามารถรองรับน้อง ๆ ในสาขาได้ทุกคน เราจึงจัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อคัดเลือกมาเข้าโครงการที่อิมแพ็ค เป็นระยะเวลา 2 เดือน 300 ชั่วโมง โดยเราไปหาน้อง ๆ ที่มหาวิทยาลัย โดยให้โจทย์กับน้อง ๆ ทำงานร่วมกัน แลกเปลี่ยนความคิด และแก้ไขปัญหา เราคอยสังเกตคนที่มีทักษะความเป็นผู้นำ การสื่อสาร และความคิดสร้างสรรค์และคัดเลือกให้เหลือ 40 คน”
“ช่วงแรกของโครงการคือการทำให้น้อง ๆ รู้จักอิมแพ็ค และธุรกิจไมซ์ หลังจากการเรียนรู้ภาพรวมของธุรกิจ เราแบ่งเป็นเรียนรู้เกี่ยวกับฝ่ายงานต่าง ๆ โดยมีพนักงานของเราแต่ละฝ่ายมาพูดคุยบอกลักษณะงาน และมีเวิร์กช็อปให้น้อง ลงมือทำ จากนั้นเราจะให้น้อง ๆ เลือก 2 แผนกในการฝึกงาน แผนกละ 2 สัปดาห์ ตรงนี้เป็นจุดแรกที่เราเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวน้อง ๆ อย่างเห็นได้ชัด”
“โดยน้อง ๆ จะมีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจไมซ์ที่กว้างขึ้น ต่างจากช่วงแรกที่น้อง ๆ จะเข้าใจว่าธุรกิจไมซ์เกี่ยวกับงานปฏิบัติการ จัดนิทรรศการ และจัดอาหารเครื่องดื่มเท่านั้น พอหลังจากเรียนรู้แล้ว พวกเขาเริ่มเห็นว่าการเรียนเกี่ยวกับไมซ์ สามารถทำงานด้านการขาย สื่อสารองค์กร หรือแม้แต่เอชอาร์ได้ด้วย และในตอนท้ายของโครงการ เราให้น้อง ๆ จัดนิทรรศการร่วมกันทั้ง 40 คน ซึ่งตอนจบโครงการเราจะมีการคัดเลือกเด็กที่จะได้กลับมาฝึกงานกับเราอีกตอนพวกเขาอยู่ปี 4 จำนวน 10 คน”
“ทมิตา” อธิบายต่อว่า ด้วยความสำเร็จของโครงการในปีนี้ ทำให้หลายมหาวิทยาลัยสนใจส่งนักศึกษามาเรียนรู้ในโครงการ เราจึงวางแผนที่จะเริ่มทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยอีก 2 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยศรีปทุม โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเพิ่มจำนวนนักศึกษาเป็น 60-80 คน และภายในระยะเวลา 5 ปี จะเพิ่มจำนวนนักศึกษาที่เข้ามาฝึกงานไม่ต่ำกว่า 300 คน นอกจากนี้ เราอยากที่จะร่วมมือกับทางทีเส็บในการสนับสนุนวิทยากรที่เชี่ยวชาญในสายงานมาแชร์ประสบการณ์ให้น้อง ๆ ฟังด้วย
“ที่สำคัญ เราจะพัฒนาให้เป็นสถาบันการศึกษาด้านธุรกิจการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ MICE Academy เพราะเรามีความพร้อมทั้งทางด้านองค์ความรู้ สถานที่ และบุคลากร ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนเสนอกับทางผู้ใหญ่ของอิมแพ็ค และเราจะพยายามทำให้สำเร็จภายในปี 2568 เพราะเราต้องการกระตุ้นการศึกษาด้านไมซ์ และอยากให้ภาครัฐช่วยสนับสนุนการศึกษาสายงานไมซ์มากขึ้นด้วย เพราะเป็นงานที่ทำเงินให้ประเทศได้สูง”
“ณภัสกรณ์ โพธิ์ทอง” นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิทยาการจัดการ สาขาวิชาการจัดงานนิทรรศการ และงานอีเวนต์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เล่าว่า สนใจโครงการกล้า MICE เพราะอิมแพ็คเป็นหนึ่งในผู้นำด้านตลาดไมซ์ในประเทศไทยที่ได้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมนี้มากว่า 20 ปี
“มองว่าโครงการนี้ได้หลายส่วน ไม่ใช่เพียงเรื่องขององค์ความรู้ แต่ทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้นว่าชอบอะไร และถ้ารู้สึกว่าไม่ใช่งานที่เราชอบทำจะได้ปรับตัวทัน แต่จากการได้มาเรียนรู้ที่อิมแพ็ค ทำให้รู้ว่าตนเองชอบงานด้านการขายที่เกี่ยวกับธุรกิจไมซ์ โดยตอนแรกเลือกฝึกด้านอาหาร และเครื่องดื่ม 2 สัปดาห์ ก็สนุกเพราะได้เรียนรู้การแก้ไขปัญหาหน้างาน และปัญหาเฉพาะหน้าเยอะมาก”
“ส่วนงานขายเรารู้สึกว่าเป็นหน้าเป็นตาของบริษัท ได้เรียนรู้ถึงเรื่องธุรกิจของอิมแพ็คลึกขึ้นอีก รู้จักวิธีการสื่อสาร และพูดโน้มน้าวใจลูกค้า ซึ่งพี่ ๆ ที่อิมแพ็คได้ให้โอกาสเราไปพูดคุยกับลูกค้าจริง ๆ และหลังจากจบโครงการนี้จะนำความรู้ที่ได้ไปแชร์กับเพื่อน ๆ ที่มหาวิทยาลัยที่ไม่ได้มีโอกาสมาร่วมด้วย”
นับว่าโครงการกล้า MICE ช่วยเสริมสร้าง และเร่งพัฒนาให้ทรัพยากรไมซ์มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการทำงานในอุตสาหกรรม พร้อมทั้งยังช่วยผลักดันหนุนรายได้เข้าประเทศไทย