กระทรวงศึกษาธิการ เตรียมรับข้อเสนอแก้ระเบียบทรงผม สั้น-ยาวได้ ห้ามครูกล้อนผมเด็ก ส่งหนังสือทำความเข้าใจ ร.ร.ยืดหยุ่นเครื่องแบบใส่ได้ตามเหมาะสม
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 มติชนรายงานว่า ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาข้อร้องเรียนของนักเรียน นักศึกษา เปิดเผยภายหลังการประชุม คณะกรรมการพิจารณาข้อเรียกร้องของนักเรียนฯ ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาร่างระเบียบ ศธ. ว่า การไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ…. โดยข้อเสนอแนะปรับแก้ดังนี้
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
ปรับแก้บทนำ หรือในส่วนของการปรารภ เป็นการปรับแก้ระเบียบการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ. 2563 ให้มีความเหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน และสอดคล้องกับหลักการสิทธิมนุษยชนการคุ้มครองศักดิ์ความเป็นมนุษย์ การมีส่วนร่วม รวมทั้งการป้องกันให้มีการเลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ เห็นชอบแก้ไขระเบียบในข้อ 4 ดังนี้ นักเรียนจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวให้เป็นไปตามความเหมาะสมและรวบให้เรียบร้อย
ทั้งนี้เพื่อสะท้อนความหลากหลายทางเพศและไม่ให้มีปัญหาในทางปฏิบัติ ส่วนการดัดผม ย้อมสีผมให้ต่างไปจากเดิม ไว้หนวดหรือไว้เครา ยังคงเป็นข้อห้ามตามเดิม เนื่องเห็นว่า อาจทำให้เสียสมาธิในการเรียน ขณะเดียวกันยังแก้ไขระเบียบข้อ 7 แก้ไข เป็นภายใต้ข้อบังคับข้อ 4 ให้สถานศึกษาวางระเบียบการไว้ทรงผมของนักเรียนได้เท่าที่ไม่ขัดแย้งกับระเบียบนี้ โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาหรือคณะกรรมการบริหารโรงเรียนเอกชนแล้วแต่กรณี
ก่อนดำเนินการในวรรคหนึ่งให้สถานศึกษาดำเนินการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็น ของนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษา และเครือข่ายผู้ปกครอง รวมทั้งเผยแพร่ผลรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวไว้ในสถานศึกษาหรือระบบสารสนเทศของสถานศึกษา
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีข้อเสนอให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ทำหนังสือ ทำความเข้าใจไปยังโรงเรียน ดังนี้ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักเรียน โดยใช้กลไกของสภานักเรียน เช่น ให้ผู้แทนสภานักเรียน เข้าร่วมสังเกตการณ์ ในการประชุมของคณะกรรมการสถานศึกษา ตามข้อ 7 กรณีนักเรียนทำไม่ถูกตามระเบียบ การลงโทษให้คำนึงถึงระเบียบศธ. ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษาพ.ศ. 2548 และกฎหมายคุ้มครองเด็ก ห้ามลงโทษรุนแรงที่เกิดกว่าระเบียบดังกล่าว เช่น การกล้อนผมเด็ก เป็นต้น
นายสมเกียรติ กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมได้หารือ แนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องเครื่องแบบนักเรียน ตามข้อเรียกร้องของนักเรียนทั้งให้แต่งกายตามเพศสภาพ ยกเลิกการแต่งเครื่องแบบนักเรียน และเครื่องแบบลูกเสือ ยุวกาชาด เนตรนารี ซึ่งกรณีนี้มี พ.ร.บ.เครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551 และระเบียบ ศธ. ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551 กำกับอยู่
ทางคณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า ระเบียบที่มีอยู่มีความยืดหยุ่นและสามารถประยุกต์ใช้ได้ตามความเหมาะสม เพียงแต่บางโรงเรียนอาจยังไม่มีความเข้าใจ ดังนั้นที่ประชุมจะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ทำหนังสือซักซ้อมความเข้าใจไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ขอให้มีความยืดหยุ่น โดยใช้ข้อ 15 ที่กำหนดว่า สถานศึกษาใดจะกำหนดให้นักเรียนแต่งเครื่องแบบลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด นักศึกษาวิชาทหารหรือแต่งชุดพื้นเมือง ชุดไทย ชุดลำลอง ชุดฝึกงาน ชุดกีฬา ชุดนาฏศิลป์หรือชุดอื่น ๆ แทนเครื่องแบบนักเรียนตามระเบียบนี้ได้ ในวันใด ให้เป็นไปตามที่สถานศึกษากำหนด
โดยคำนึงถึงความประหยัด เหมาะสม และ 16 ที่กำหนดว่าในกรณีมีเหตุจำเห็นหรือมีเหตุพิเศษให้สถานศึกษาพิจารณายกเว้นหรือผ่อนผันการแต่งกายเครื่องแบบนักเรียนได้ตามความเหมาะสม และ หากจะออกระเบียบใดเพิ่มเติมให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องก่อน
“นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติเสนอให้รัฐมนตรีว่าการศธ. ตั้งคณะทำงาน 3 ชุด ดังนี้ คณะทำงานด้านการละเมิด การกระทำความรุนแรง และความปลอดภัยในสถานศึกษา คณะทำงานด้านความล้าหลังของสถานศึกษาที่ประทบต่อนักเรียน นักศึกษา และคณะทำงานด้านการแสดงออกทางการเมืองในสถานศึกษา ทั้งนี้คณะกรรมการจะไปดูรายละเอียดก่อนนำข้อสรุปทั้งหมดเสนอให้นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. พิจารณาเห็นชอบภายในสัปดาห์หน้า” นายสมเกียรติกล่าว