KLINIQ ยื่นไฟลิ่งขายไอพีโอ 60 ล้านหุ้น

KLINIQ ยื่นไฟลิ่งขายไอพีโอ 60 ล้านหุ้น

บมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม (KLINIQ) ไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เสนอขายหุ้นไอพีโอ (IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 

วันที่ 20 กันยายน 2565 นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมสายงานวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (DAOL) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) (KLINIQ) เปิดเผยว่า ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 60,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท/หุ้น ให้แก่ประชาชน (Initial Public Offering) หรือคิดเป็นร้อยละ 27.27 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มอุตสาหกรรม : บริการ

ทั้งนี้ บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) (KLINIQ) ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านเลเซอร์ผิวหนัง การยกกระชับและปรับรูปหน้า การดูแลรูปร่างและกระชับสัดส่วน ศัลยกรรมตกแต่ง รวมถึงการดูแลป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness & Regenerative Medicine) ที่ทันสมัยตามหลักการแพทย์ ซึ่งให้การดูแลโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและศัลยกรรมตกแต่ง

ร่วมกับการใช้เครื่องมือทางการแพทย์และตัวยาที่ได้มาตรฐานสหรัฐอเมริกา ด้วยการอัพเดตนำนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัยและปลอดภัยมาใช้ในการรักษาอย่างต่อเนื่อง จึงมีโปรแกรมการรักษาที่หลากหลาย เพื่อให้ครอบคลุมทุกความกังวลของลูกค้าและตอบโจทย์ทุกความต้องการได้เป็นอย่างดี ภายใต้แบรนด์ “เดอะคลีนิกค์” (THE KLINIQUE)

โปรแกรมการให้บริการทั้งในส่วนของคลินิกเวชกรรมและศูนย์ศัลยกรรมของบริษัท ประกอบด้วย

1. แผนกผิวหนังและความงาม (Skin & Aesthetic Department) คือ การให้บริการโดยใช้เครื่องมือทางการแพทย์ รวมถึงยาที่ได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัยสูง ได้แก่ การรักษาโรคผิวหนังทั่วไป การฟื้นบำรุงผิว การรักษาและแผลหลุมสิว การรักษาปัญหาเม็ดสีบนผิวหนัง การยกกระชับและปรับรูปหน้า การลดริ้วรอย การสลายไขมันด้วยความเย็น และการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ เป็นต้น

2. แผนกป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพ (Wellness & Regenerative Department) คือ การให้บริการเพื่อการฟื้นฟูและบำรุงสุขภาพ ช่วยกระตุ้นร่างกายให้เกิดการซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเอง อาทิ การฉีดวัคซีน การตรวจภูมิคุ้มกันมะเร็ง การทำ NK Treatment และ Women Wellness เป็นต้น

3. แผนกศัลยกรรมตกแต่ง (Plastic Surgery & Reconstruction Department) คือ การให้บริการศัลยกรรมตกแต่ง ซึ่งเป็นหัตถการพิเศษ อาทิ ศัลยกรรมตกแต่งหนังตา (Eye Surgery) ศัลยกรรมตกแต่งจมูก (Rhinoplasty) ศัลยกรรมตกแต่งหน้าอก (Breast Surgery) ดูดไขมัน (Liposuction) ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น (Labiaplastry) ศัลยกรรมดึงหน้า (FaceLift Surgery) เป็นต้น

4. การจำหน่ายเวชสำอาง (Cosmeceuticals) ภายใต้แบรนด์ THE KLINIQUE และแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ

ด้านนายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) (KLINIQ) กล่าวว่า วัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทมีแผนนำเงินไปใช้ในการลงทุนในการขยายกิจการ เปิดสาขาใหม่ให้ครอบคลุมพื้นที่สำคัญที่ยังคงมีอยู่อีกมาก เพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รวมทั้งพัฒนาระบบ IT และระบบข้อมูลต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของฝ่ายสนับสนุน จัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการแพทย์ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ผลักดันผลการดำเนินงานที่จะเติบโตในอนาคต สอดคล้องเมกะเทรนด์ด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพ

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2562-2564 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการรักษาพยาบาล จำนวน 975.84 ล้านบาท 1,000.55 ล้านบาท และ 949.93 ล้านบาท ตามลำดับ และในไตรมาส 1 ปี 2565 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการรักษาพยาบาล จำนวน 331.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.7 จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า

ในปี 2562 มีกำไรสุทธิ 115.47 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 11.66 ส่วนในปี 2563 (ฉบับปรับปรุง) ปี 2564 ไตรมาส 1 ปี 2564 และไตรมาส 1 ปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 144.69 ล้านบาท 129.25 ล้านบาท 41.10 ล้านบาท และ 45.60 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ ร้อยละ 14.34 ร้อยละ 13.57 ร้อยละ 14.55 และร้อยละ 13.67 ตามลำดับ

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 บริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 39 สาขาทั่วประเทศไทย แบ่งเป็น คลินิกเวชกรรมจำนวน 35 สาขา ศูนย์ศัลยกรรมจำนวน 1 สาขา และร้านทำเล็บจำนวน 3 สาขา มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ในช่วงอายุระหว่าง 20-55 ปี ด้วยโปรแกรมการรักษาที่หลากหลายอันเกิดจากการผสมผสานนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัย กับความเชี่ยวชาญในการให้การรักษา

รวมถึงงานบริการที่ได้มาตรฐาน จึงตอบโจทย์ทุกความต้องการ และสามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง