เลขาก.ล.ต.เผย”ไอซีโอ-บิตคอยน์”เป็นเรื่องที่ต้องไปด้วยกัน

นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า การระดมทุนด้วยเหรียญดิจิทัล (อินนิเชียล คอยน์ ออฟเฟอริง : ไอซีโอ) กับบิทคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลประเภทหนึ่ง เป็นนโยบายที่ต้องไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อให้การหารือร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระหว่างก.ล.ต. กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เห็นเป็นภาพเดียวกัน โดยขณะนี้ทางก.ล.ต.ได้ปิดรับฟังความเห็นเรื่องไอซีโอเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะหารือในคณะกรรมการ(บอร์ด)ก.ล.ต. เพื่อปรับปรุงและแก้ไขหลักเกณฑ์ให้เหมาะสม และเสนอไปทางกระทรวงการคลังเป็นลำดับต่อไป คาดว่าหากแล้วเสร็จสามารถประกาศใช้เกณฑ์ไอซีโอได้ภายในไตรมาส1/2561

“ ไอซีโอ เป็นกระบวนการการระดมทุนของสตาร์ตอัพที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่จะมาดิสรัปชั่นธุรกิจแบบดั้งเดิม ปัจจุบันนักลงทุนรุ่นใหม่ให้ความสนใจมาก เนื่องจากศักยภาพในการเติบโตมีมหาศาล แต่ก็มีความเสี่ยงสูง เช่น ใน 100 บริษัท มีประมาณ 95% จะเจ๊ง ทั้งนี้ สำหรับรูปแบบการระดมทุนไอซีโอ จะไม่ใช่การออกหุ้นหรือหุ้นกู้ แต่จะออกเป็นโปรเจ็คท์ (โครงการ) มีไวท์เปเปอร์เพื่อให้ข้อมูลไว้ตัดสินใจ ส่วนผลตอบแทนเจ้าของโปรเจ็คท์จะออกเหรียญอิเล็กทรอนิกส์ (โทเค็น) ให้กับผู้ลงทุน ในลักษณะฟรีฟอร์ม สามารถกำหนดโครงสร้างได้ทุกรูปแบบตามที่ตกลงกัน” นายรพี กล่าว

สำหรับการกำกับดูแลไอซีโอ แม้กระบวนการจะเปลี่ยนไปหมดเพราะเป็นการระดมทุนแบบใหม่ แต่หลักการในการกำกับดูแลไอซีโอไม่เปลี่ยน คือ 1.ต้องไม่หลอกคน 2.ต้องมีตัวตน และ 3.มีการเปิดเผยข้อมูลในระดับหนึ่งเพื่อให้คนตัดสินใจได้ เบื้องต้นก.ล.ต.จะกำหนดรูปแบบการกำกับดูแลผ่านตัวกลาง (พอร์ทอล) ทั้งการเข้าไปตรวจไวท์เปเปอร์ และการยืนยันตัวตนเจ้าของโครงการ แต่อาจจะไม่เข้มงวดเช่นเดียวกับการกำกับดูแลหุ้นเข้าใหม่ (ไอพีโอ)

“ เงินสกุลดิจิทัล (คริปโตเคอร์เรนซี่) ธปท.ไม่รองรับว่าเป็นสิ่งที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย นั่นแปลว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ต้องบอกว่าไม่ผิด แต่ไม่มีสถานะในการบังคับ ดังนั้น การระดมทุนของเจมาร์ท อาจจะไม่รู้ว่าธปท.จะว่าอย่างไรเรื่องบิทคอยน์ จะผิดกฎหมายหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยเลยจ่ายเป็นเงินที่ชำระได้ตามกฎหมาย (Fiat Money) เช่น เงินบาท เงินดอลลาร์ เป็นต้น อย่างไรก็ตามในส่วนของก.ล.ต.ก็กำลังติดตามอยู่ในขณะนี้”

Advertisment

นายรพี กล่าวว่า ความผันผวนของบิทคอยน์ขึ้นอยู่กับซัพพลายและดีมานด์ในตลาด ประชาชนจึงสนใจเข้าไปเก็งกำไรตัวเงิน ขณะเดียวกันบิทคอยน์เป็นความลับสุดยอด ไม่เคยถูกแฮคมาก่อน และหากมีการห้าม ก็อาจจะลงใต้ดินและหาตัวผู้กระทำไม่เจอ เพราะฉะนั้น นักลงทุนที่สนในลงทุนต้องมีความรู้ความเข้าใจเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูง แม้จะมีการตั้งคำถามว่าบิทคอยน์เป็นการฟอกเงิน หรือเป็นการเก็งกำไร โดยไม่มีเหตุผลหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ต้องหารือกัน

นอกจากการกำกับดูแลการระดมทุนไอซีโอแล้ว ในปี 2561 ก.ล.ต.มีแผนการดำเนินงานทั้งในเรื่องการทำอย่างไรให้คนเข้าถึงตลาดทุนได้มากขึ้น เพราะปัจจุบันมีคนที่มีบัญชีหุ้นและกองทุนรวมประมาณ 3 ล้านราย ขณะที่จำนวนประชากรทั้งหมดอยู่ที่ 70 ล้านคน นั่นหมายความว่าคนนิยมนำเงินไปฝากธนาคารมากกว่าหรือไม่ ดังนั้นปี2561จะทำการประชาสัมพันธ์และเชิญชวนให้คนหันมาลงทุนมากขึ้น โดยผ่านบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.)

ขณะเดียวกันจะส่งเสริม เรื่องการวางแผนการออมเงินเพื่อรองรับการเกษียณอายุผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ทั้งการเข้าพบในนายจ้าง รวมถึงการเพิ่มเครื่องมือและตัวเลือกให้กับสมาชิกกองทุน เช่น การปรับสัดส่วนให้ลงทุนในหุ้นให้มากขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า นอกจากนี้แล้วในเรื่องการแข่งขันของธุรกิจตัวกลางหรือโบรกเกอร์ในปัจจุบัน มองว่าไม่ใช่เรื่องการลดค่าธรรมเนียม แต่เป็นเรื่องการให้คำแนะนำสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะฐานข้อมูลขนาดใหญ่

ที่มา มติชนออนไลน์

Advertisment