“แมกซี่ฯ” หวังโกยเบี้ยโต 15% รุกขายประกันผ่านช่องทางดิจิทัลเต็มสูบ

โบรกเกอร์ “แมกซี่ อินชัวรันส์ฯ” รุกขายผ่านดิจิทัล จับมือสตาร์ตอัพผุดแพลตฟอร์มประกันรถ “peer to peer” เน้นขายกลุ่มคนขับรถดีมีเงินคืน เล็งคลอดกลางปี หวังขยายพอร์ตลูกค้าหนุนเบี้ยรวมโต 15% มั่นใจถือ 3 ใบอนุญาตโกยเบี้ยรวมได้ตามเป้าหมาย 1.5 พันล้าน พร้อมเปิดแผนบริษัทแม่ “เอ็มจีซีกรุ๊ป” จ่อเข้า SET ใน 2 ปี

นายจิตวุฒิ ศศิบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ เปิดเผยว่า ในปี 2561 บริษัทได้ขยายช่องทางขายผ่านดิจิทัลมากขึ้น หลังจาก คปภ.อนุมัติให้เสนอขายผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ซึ่งปัจจุบันกำลังร่วมมือกลุ่มสตาร์ตอัพพัฒนาแพลตฟอร์มประกันรถยนต์แบบ “peer-to-peer” เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าขับรถดีสามารถรวมกลุ่มซื้อประกันในราคาเบี้ยที่ถูกกว่า แถมมีเงินคืนระหว่างปี หากไม่มีประวัติการเคลม โดยได้เข้าไปทดสอบในสนามทดลอง (sandbox) ของ คปภ.เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเปิดตัวให้บริการได้ในช่วงเดือน มิ.ย. 61 นี้

“ขณะนี้ มีบริษัทประกันภัย 2 รายสนใจเข้าร่วมแล้ว และอยู่ระหว่างเจรจาหาพันธมิตรใหม่ ๆ เพิ่มอีกอย่างน้อย 4-5 ราย เพื่อให้ลูกค้าได้มีตัวเลือกมากขึ้น” นายจิตวุฒิกล่าว

ส่วนทิศทางธุรกิจในปี 2561 นี้ บริษัทวางเป้าหมายเติบโต 15% จากปี 2560 โดยคาดว่าปีนี้เบี้ยประกันภัยรับอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปี 2560 ที่มีเบี้ยประกันภัยรับ 1,300 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 200 ล้านบาท เติบโต 8-9% ซึ่งโตไม่สูงมากนัก เนื่องจากปีที่แล้ว ได้รับผลกระทบหนักจากธุรกิจรถยนต์ประสบภัยน้ำท่วมถึง 4 ครั้ง ในช่วงเดือนตุลาคมเพียงเดือนเดียว ซึ่งลูกค้าทยอยเปลี่ยนเครื่องยนต์และส่งเคลมกันเป็นแถว ส่งผลต่อลอสเรโช(อัตราค่าสินไหมทดแทน) ทั้งตลาดปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับการแข่งขันตัดราคารุนแรงมาก ทำให้ลูกค้าหดตัวลงโดยเฉพาะลูกค้าหลักที่เป็นกลุ่มรถหรูของบริษัทหายไปกว่า 30% แต่ยังถือว่าอัตราการต่ออายุอยู่ในเกณฑ์ดีที่ระดับ 65-70%

“เราคาดว่าประกันรถยนต์รูปแบบใหม่ (peer-to-peer) น่าจะช่วยพยุงให้อัตราการต่ออายุและฐานลูกค้าที่มีอยู่กว่า 80,000 คน เพิ่มสูงขึ้นได้ ประกอบกับบริษัทมาสเตอร์กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น เอเชีย (MGC) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ขยายรถป้ายแดงเพิ่มน่าจะมีลูกค้าใหม่เข้ามามากขึ้นจนสามารถเติมเต็มส่วนที่หายไปได้” นายจิตวุฒิกล่าว

สำหรับพอร์ตของบริษัท ส่วนใหญ่จะมาจากประกันรถยนต์ 75% ประกันภัยทรัพย์สิน 15% ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ 10% นอกจากนี้ ล่าสุดบริษัทได้รับใบอนุญาตนายหน้าประกันภัยต่อ (รีอินชัวเรอร์) เพิ่มเข้ามา ซึ่งจะให้บริการทั้งประกันภัยในไทยและขยายการบริการสู่ประเทศเพื่อนบ้านที่ยังขาดความสามารถในการรับงาน (capacity) รวมถึงธุรกิจของคนไทยที่ขยายฐานไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะเน้นงานประกันภัยต่อแบบเฉพาะราย ทั้งนี้ คาดว่าจะสร้างรายได้เข้ามาประมาณ 5 ล้านบาท อาจจะเติบโตแค่ระดับหนึ่ง แต่จะเติบโตเต็มที่ในปีหน้า ทำให้ปัจจุบันบริษัทถือครบทั้ง 3 ใบอนุญาตนายหน้า จึงช่วยกระตุ้นยอดขายให้เติบโตได้ดีขึ้น

“ปีนี้การแข่งขันในธุรกิจประกันภัยจะยังคงมีความรุนแรง แต่ไม่เท่าปีก่อน เพราะว่าผู้รับประกันภัยต่อไม่สามารถแข่งขันตัดราคาเบี้ยประกันได้ เนื่องจากตลาดโลกเจอผลกระทบหนักจ่ายเคลมสินไหมสูงมากจากความเสียหายด้านภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น เฮอริเคน ไต้ฝุ่น อัคคีภัย ทำให้เบี้ยประกันอาจต้องปรับราคาสูงขึ้น และมองว่าเบี้ยประกันถึงจุดสิ้นสุดในการแข่งขันตัดราคาแล้ว เพราะว่าบริษัทประกันรายใหญ่ไม่ลงมาเล่นเนื่องจากทำกำไรยาก” นายจิตวุฒิกล่าว

นายจิตวุฒิกล่าวด้วยว่า บริษัท มาสเตอร์กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น เอเชีย หรือ “เอ็มจีซี” ซึ่งเป็นบริษัทแม่ประกอบธุรกิจค้าปลีกรถยนต์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยและอาเซียน มีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อหวังระดมทุนขยายสาขาเพิ่มทั้งการเปิดให้บริการโชว์รูมและศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังครบวงจร ทำให้บริษัทแมกซี่ฯซึ่งเป็นบริษัทลูกต้องเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วย คาดว่าภายใน 2 ปีนี้