หุ้นไทยแกว่งตัว 1,520-1,540 จุด แรงหนุนราคาน้ำมันดิบพุ่ง-ความหวังจัดตั้งรัฐบาล

หุ้นไทย

บล.กรุงศรี ประเมินดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัว 1,520-1,540 จุด แรงหนุนราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเหนือ 84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และความคาดหวังจัดตั้งรัฐบาลหุ้นเด่นวันนี้ IRPC, SAT

วันที่ 10 สิงหาคม 2566 บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี ประเมินดัชนีหุ้นไทย (SET INDEX) แกว่งตัว 1,520-1,540 จุด โดยราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเหนือ 84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังซาอุฯ และรัสเซียปรับลดอุปทานน้ำมันรวมถึงสต๊อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐลดลงมากกว่าคาด นอกจากนี้ความคาดหวังการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทยจะเป็นบวกต่อดัชนี อย่างไรก็ตามคาดว่าดัชนีจะสลับอ่อนตัวเพื่อลดความเสี่ยงก่อนประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) เดือน ก.ค.ของสหรัฐในวันนี้

สำหรับประเด็นสำคัญวันนี้

โรงกลั่น, ปิโตรฯ แจ้งงบฯไตรมาส 2/66 ขาดทุน แต่ตลาดมองผ่านจุดต่ำสุดแล้ว : IRPC ขาดทุนสุทธิ 2,246 ล้านบาท แต่น้อยกว่าที่ Consensus คาดว่าจะขาดทุน 3,100 ล้านบาท, PTTGC ขาดทุนสุทธิ 5,591 ล้านบาท In line กับที่ตลาดคาดไว้ ส่วน TOP มีกำไรสุทธิ 1,117 ล้านบาท หดตัว 75% เทียบไตรมาสก่อนหน้า (QOQ) และ 95.6% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) แต่ดีกว่าที่ Consensus คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 200-400 ล้านบาท

จีนเข้าสู่ภาวะเงินฝืดหลังเงินเฟ้อติดลบครั้งแรกในรอบ 28 เดือน : จีนประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ (CPI) เดือน ก.ค. ลดลงสู่ระดับ -0.30% จาก 0% ในเดือน มิ.ย. นับเป็นการปรับลดสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 28 เดือน อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวใกล้เคียงกับที่ Consensus คาดไว้ที่ -0.3% ถึง -0.4%

คืนนี้ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐ (CPI) บ่งชี้เฟดจะหยุดหรือเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย : สหรัฐจะประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ (CPI) เดือน ก.ค. ในวันนี้ เบื้องต้น Consensus คาด Headline CPI จะปรับตัวขึ้นเป็น 3.1-3.3% จาก 3% ในเดือน มิ.ย. ส่วน Core CPI คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 4.8% เท่ากับเดือน มิ.ย.

Advertisment

บล.กรุงศรี แนะนำหุ้นเด่น

– IRPC (ปิด 2.42 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 2.70 บาท) ประกาศงบฯไตรมาส 2/66 ขาดทุนสุทธิ 2,246 ล้านบาท แต่ดีกว่าที่ Consensus คาดว่าจะขาดทุน 3,100 ล้านบาท แนวโน้มไตรมาส 3/66 พลิกมีกำไรจากค่าการกลั่นและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ราคาหุ้นยัง Laggard จากกลุ่ม

– SAT (ปิด 19.20 ซื้อ/เป้า 21 บาท) สำนักข่าวนิกเคอิของญี่ปุ่นระบุ มิตซูบิชิ ประกาศให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฮบริดนอกประเทศญี่ปุ่นเป็นแห่งแรกของโลก โดยจะเริ่มการผลิตต้นปีหน้าเป็นต้นไปเป็นบวกต่อ SAT โดยตรง เนื่องจากมีมิตซูบิชิเป็นลูกค้าหลักคิดเป็น 33% ของรายได้รวม