คอลัมน์ Look Around
การส่งออกของไทยในปี 2561 ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยรัฐบาลพยายามสนับสนุนให้เกิดการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง นวัตกรรม และอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (S-curve) เพื่อเปลี่ยนผ่านโครงสร้างการส่งออกไปสู่การผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) ได้เปิดตัวบริการใหม่ “สินเชื่อเอ็กซิมเพื่อโซนพิเศษ” (EXIM Special Zone Credit) เป็นสินเชื่อระยะยาวเพื่อการลงทุนหรือขยายกิจการ กำหนดระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 15 ปี ให้เบิกกู้วงเงินหมุนเวียนได้ไม่เกิน 1.5 เท่า ของวงเงินกู้ที่ได้รับอนุมัติ
โดยคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ปีที่ 1-3 เท่ากับ prime rate -1.75% ต่อปี (4.50% ต่อปี) ปีที่ 4-5 เท่ากับ prime rate -1.50% ต่อปี และปีที่ 9-15 เท่ากับ prime rate -1.00% ต่อปี
ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่สามารถขอสินเชื่อได้ ต้องเป็นผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนเพื่อเริ่มต้น ขยาย หรือปรับปรุงกิจการในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ จังหวัดชายแดน นิคม/สวน/เขตอุตสาหกรรม ทั้งที่เป็นของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน
ที่สำคัญ หากเป็นผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าไปลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) จะได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ คือ ได้ลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มอีก 0.25% ต่อปี
“พิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา” กรรมการผู้จัดการ EXIM Bank บอกว่า สินเชื่อตัวนี้ออกมารับลูกนโยบายรัฐบาล ในการสนับสนุนการลงทุนใน EEC รวมถึงการลงทุนตามเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนต่าง ๆ เพื่อให้ได้มีเงินทุนไปลงทุนยกระดับสินค้าเพื่อส่งออก เป็นการสนับสนุนแบรนด์ไทยไปสู่ตลาดโลก
ผู้ประกอบการรายใดที่กำลังมองหาแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ลงทุนในลักษณะข้างต้นอยู่ สามารถเดินเข้าไปติดต่อสาขาของ EXIM Bank ทั้ง 9 สาขาได้เลย ภายใน 1 ปีนับจากนี้
เพราะทางแบงก์เปิดให้ขอสินเชื่อได้จนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2562