จับตา เศรษฐา ถกบอร์ดดิจิทัลวอลเลต หาทางออกปมความเห็น ป.ป.ช.

เศรษฐา ทวีสิน
เศรษฐา ทวีสิน

นายกฯนัดประชุมบอร์ดดิจิทัลวอลเลตชุดใหญ่พรุ่งนี้ (15 ก.พ.) ถก 4 วาระสำคัญ หนังสือตอบกลับจากกฤษฎีกา ข้อเสนอแนะจาก ป.ป.ช. พร้อมตั้งอนุกรรมการ 2 ชุด

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้นัดหมายประชุมคณะกรรมการโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต (บอร์ดชุดใหญ่) ในวันที่ 15 ก.พ.เวลา 16.00 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยในการประชุมครั้งนี้จะมีเรื่องสำคัญเข้าสู่การพิจารณา 4 วาระ ได้แก่

1.คำตอบในทางข้อกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะที่ 12 ได้ตอบคำถามของรัฐบาลเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเลต และการกู้เงินโดยการออก พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้ 5 แสนล้านบาท เพื่อดำเนินการแจกเงินดิจิทัล ซึ่งมีประเด็นที่คณะกรรมการต้องพิจารณาว่าคณะกรรมการกฤษฎีกามีข้อกังวล หรือมีคำเตือนในทางกฎหมายอย่างไรบ้าง ที่รัฐบาลต้องระมัดระวังให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด อย่างการออกเป็น พ.ร.บ.หรือ พ.ร.ก.

ซึ่งกฤษฎีกาตอบกลับไปว่า ได้ แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เช่น ต้องจำเป็นเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง แก้ไขวิกฤตของประเทศ หรือต้องเป็นไปตามมาตรา 53 มาตรา 57 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 9 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ หากสามารถตอบเงื่อนไขทั้งหมดได้ก็สามารถออกเป็น พ.ร.บ.ได้

2.ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) เกี่ยวกับการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเลต รวม 8 ข้อ ที่มองว่ามีความเสี่ยงต่อการทุจริต และผิดกฎหมายทั้งรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ต้องหาทางป้องกันและพิจารณาให้รอบคอบ รวมถึงเรื่องการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ซึ่งแนะให้ทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควรตรวจสอบ ตรงตามที่เพื่อไทยหาเสียงไว้หรือไม่

3.ข้อเสนอในการตั้งคณะอนุกรรมการ 2 คณะ ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของโครงการดิจิทัลวอลเลตที่จะมีการรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้านในการดำเนินโครงการนี้จากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งคณะอนุกรรมการป้องกันการทุจริต และประเมินผลโครงการ ซึ่งทั้ง 2 คณะจะทำงานคู่ขนานไปกับการผลักดันร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท

4.การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน พ.ศ. … วงเงิน 500,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังได้ยกร่างกฎหมายเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยกฎหมายมีอยู่ประมาณ 7-8 มาตรา ซึ่งหากบอร์ดชุดใหญ่เห็นชอบก็จะสามารถเสนอต่อ ครม.ได้ในขั้นต่อไป