บสย.เผยแนวโน้มแบงก์เคลมค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอีลดลงต่อเนื่อง แจงไตรมาสแรกปีนี้เคลมต่ำกว่าประมาณการ คาดทั้งปีเคลม 9 พันล้านบาท ชี้สัญญาณหนี้เสียเอสเอ็มอีทั่วไปลดลง พร้อมโชว์ผลงานไตรมาสแรกค้ำสินเชื่อแล้ว 2.3 หมื่นล้านบาท เตรียมชง ครม. 2 โปรดักต์ใหม่วงเงิน 1.65 แสนล้านบาท
นายจตุฤทธิ์ จันทรกานต์ รองผู้จัดการทั่วไป สายงานสนับสนุน บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2560 จนถึงไตรมาสแรกปี 2561 นี้ ยอดเคลมประกันสินเชื่อของ บสย.ที่สถาบันการเงินขอเคลมเข้ามา มีแนวโน้มลดลงจากปีก่อน ๆ โดยในปี 2560 เดิมคาดว่าจะเคลมทั้งหมด 9,000 ล้านบาท แต่ถึงสิ้นปีมียอดเคลมจริงเพียงกว่า 7,000 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาสแรกปีนี้ยอดเคลมก็ออกมาที่กว่า 1,000 ล้านบาท ต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ ซึ่งปีนี้ทั้งปี บสย.คาดว่าจะมียอดเคลมทั้งหมดที่ 9,000 ล้านบาท ลดลงจากเดิมที่เคยคาดว่าจะถึง 10,000 ล้านบาท
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส ไทย และหลายชาติ ออกแถลงการณ์ร่วม เรียกร้องปล่อยตัวประกันในกาซา
- ล้งกระหน่ำทุบราคามังคุด จากโลละ 200 เหลือ 60 บาท
“ยอดเคลมมีแนวโน้มลดลงในภาพรวม แต่มีบางเซ็กเตอร์ที่ยังเคลมเยอะอยู่ คือ ก่อสร้าง กับค้าของเก่า (รีไซเคิล) โดยในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ยอดเคลมภาพรวมต่ำกว่าประมาณการเล็กน้อย แต่จำนวนรายสูงขึ้น เนื่องจากลูกค้ารายย่อยมีการเคลมเร็วขึ้น ส่วนเอสเอ็มอีรายใหญ่ขึ้นมาจะเคลมค่อนข้างน้อยลง ทั้งนี้ ปัจจุบันลูกค้า บสย.จะมี 2 เซ็กเมนต์หลัก คือ ลูกค้าที่ใช้โครงการค้ำประกัน PGS (portfolio guarantee scheme) ที่เฉลี่ยจะมีขนาดค้ำประกันประมาณ 3 ล้านบาท กับกลุ่ม micro entrepreneur ที่จะมีขนาดประมาณ 1 แสนบาท ซึ่งกลุ่ม micro จะมีจำนวนรายเยอะมาก” นายจตุฤทธิ์กล่าว
นายจตุฤทธิ์กล่าวว่า ยอดเคลมที่ลดลงเกิดจากส่วนหนึ่ง บสย.เข้าไปคุยกับสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้เพื่อให้ดำเนินการประนอมหนี้กับลูกหนี้ บวกกับตั้งแต่ปลายปี 2560 ทิศทางเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นทำให้ยอดหนี้เสียของเอสเอ็มอีลดลง
ทั้งนี้ สำหรับหนี้เสีย หรือภาระค้ำประกันที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPG) ของ บสย. ณ สิ้นไตรมาสแรกปีนี้ยังทรงตัวที่ระดับ 13.4% จาก ณ สิ้นปี 2560 หรือคิดเป็นมูลค่า 48,000 ล้านบาท
นางนิภารัตน์ พิสิฐพิทยเสรี รักษาการแทนผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวว่า ยอดค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอี ช่วงไตรมาสแรกปี 2561 (1 ม.ค.-31 มี.ค.) มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดอนุมัติที่ 23,313 ล้านบาท คิดเป็น 95% ของเป้าหมายในไตรมาสแรก สามารถช่วยผู้ประกอบการรายใหม่เข้าถึงสินเชื่อได้อีกกว่า 20,000 ราย ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าค้ำประกันสินเชื่อรวมไว้ที่ 1.1 แสนล้านบาท
“สะท้อนว่ายังมีผู้ประกอบการอีกจำนวนมากต้องการเข้าถึงสินเชื่อ เพื่อต่อยอดและขยายกิจการในธุรกิจต่าง ๆ โดย บสย.อนุมัติค้ำประกันสินเชื่อสูงสุด 5 หมวดธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจบริการ 5,442 ล้านบาท สัดส่วน 23% 2.ธุรกิจการผลิตสินค้าและการค้าอื่น ๆ 2,711 ล้านบาท 11% 3.ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 2,310 ล้านบาท 9% 4.ธุรกิจเกษตรกรรม 2,163 ล้านบาท 9% 5.ธุรกิจเหล็ก ผลิตภัณฑ์โลหะ และเครื่องจักร 2,020 ล้านบาท สัดส่วน 8%” นางนิภารัตน์กล่าว
นายวิเชษฐ วรกุล รองผู้จัดการทั่วไป สายงานธุรกิจ บสย. กล่าวว่า คณะกรรมการ บสย.ได้เห็นชอบโครงการค้ำประกันใหม่ 2 โครงการ คือ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ micro entrepreneur ระยะที่ 3 วงเงิน 15,000 ล้านบาท และโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS7 วงเงิน 150,000 ล้านบาท ที่จะดำเนินการต่อจาก micro entrepre-neur ระยะที่ 2 และ PGS6 ที่จะหมดอายุในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งจะต้องหารือกับกระทรวงการคลังถึงวงเงินงบประมาณที่จะสนับสนุนก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป