ธปท. มองแบงก์ลดดอกเบี้ย 0.25% อุ้มกลุ่มเปราะบางเป็นเรื่องดี  

นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล

ธปท.มองธนาคารลดดอกเบี้ย 0.25% ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางเป็นเรื่องดี สอดคล้องกับมาตรการแบงก์ชาติระยะสั้น-ระยะยาว ชี้ตัวเลขลูกหนี้อยู่ในมาตรการช่วยเหลือยังสูง 11% หรือ 6 ล้านบัญชี สูงเมื่อเทียบประเทศเฉลี่ย 5-6%  

วันที่ 30 เมษายน 2567 นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ของธนาคารพาณิชย์ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางนั้น มองว่าเป็นเรื่องที่ดี และเป็นการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม (Targeted) ในกลุ่มลูกค้ารายย่อยและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งไม่ได้ขัดกับนโยบายของ ธปท.ที่ทำผ่านกับธนาคารพาณิชย์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

โดยในแง่ผลของการปรับลดดอกเบี้ย จะช่วยลูกค้ากลุ่มที่ยังไม่ฟื้นตัว เพราะจะเห็นว่าสัดส่วนลูกหนี้ที่อยู่ภายใต้มาตรการช่วยเหลือมีสัดส่วนประมาณ 11% ถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่สัดส่วนลูกหนี้ที่อยู่ภายใต้มาตรการช่วยเหลือเพียง 5-6% และในแง่จำนวนบัญชีอยู่ที่ 6 ล้านบัญชี โดยประมาณ 80% เป็นการปรับโครงสร้างก่อนที่จะเป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)

ดังนั้น ในแง่ของ ธปท.ให้ความสำคัญในการช่วยเหลือลูกหนี้ โดยพยายามหามาตรการและให้ความสำคัญกับการแก้หนี้ ทั้งในส่วนของการแก้หนี้เดิม ให้สินเชื่อใหม่ และการปรับโครงสร้างหนี้ก่อนและหลังเป็นเอ็นพีแอล รวมถึงผลักดันการเข้าถึงสินเชื่อผ่านกลไกการค้ำประกัน

อย่างไรก็ดี การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์จำเป็นต้องทำทั้งระบบหรือไม่นั้น มองว่าในแง่ ธปท.มีหน้าที่ดูแลควบคุมสภาพคล่องโดยรวมผ่านอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และภาวะการเงินโดยรวม ส่วนการปรับดอกเบี้ยของแบงก์ขึ้นอยู่กับโมเดลทางธุรกิจ รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ของแต่ละแห่ง แต่เราจะพิจารณาว่าหากภาวะการเงินมีการปรับเปลี่ยนไปก็จะนำมาสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)

Advertisment

“ในแง่ของผลของการลดดอกเบี้ย เป็นการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ภาพก็ไม่ได้ขัดกันที่ต้องการแก้ไขหนี้ของประชาชนอยู่แล้ว ซึ่งมองว่าเป็นการช่วยเสริมกันกับมาตรการที่แบงก์ชาติทำมาโดยตลอด”