เงินบาทแข็งค่า รอผลประชุมเฟดและตัวการจ้างงานของสหรัฐ

AFP PHOTO/PORNCHAI KITTIWONGSAKUL

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุูธที่ 4 กรกฎาคม 2561 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (4/7) ที่ระดับ 33.13/14 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดในวันอังคาร (3/7) ที่ 33.14/18 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินดอลลาร์ยังคงได้รับปัจจัยบวกจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยล่าสุดกระทรวงพาณิชย์จะประกาศตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมของสหรัฐ ในเดือนพฤษภาคม ปรับตัวสูงขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับตัวเลขในเดือนพฤษภาคม หลังจากที่ลดลง 0.4% ในเดือนเมษายน อย่างไรก็ตามความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าก็ยังเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์ผันผวน นอกจากนี้ตลาดยังคงจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 12-13 มิถุนายน 2561 ในคืนวันพฤหัสบดีนี้ (5/7) รวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมิถุนายนในวันศุกร์นี้ (6/7) เพื่อคาดการณ์ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ในปีนี้

ในขณะที่นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาท ว่ามีผลกระทบจากหลายปัจจัย เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายค่าเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลัก ความกังวลเรื่องสงครามการค้าระหว่างประเทศ ทำให้ค่าเงินเปลี่ยนแปลงมาก โดยเฉพาะค่าเงินหยวนของประเทศจีน ซึ่งจีนเป็นประเทศเป้าหมายหลักในการกีดกันทางการค้า จึงเป็นประเด็นที่จะสร้างความกังวลต่อตลาดเงินตลาดทุน โดยล่าสุด ผู้ว่าธนาคารกลางจีน นายอี้ กัง ได้กล่าวว่า ธนาคารกลางจีนจะเข้ามารักษาเสถียรภาพของค่าเงินหยวนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจีนอาจใช้การปรับลดค่าเงินหยวนเป็นเครื่องมือตอบโต้ความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.08-33.15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 33.15/17 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรในวันนี้ (4/7) ค่าเงินยูโรเปิดตลาดที่ระดับ  1.1670/72 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (3/7) ที่ 1.1661/63 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร เนื่องจากตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในเยอรมนี หลังจากมีรายงานว่านายกรัฐมนตรีแองเกลา แมร์เคิล สามารถบรรลุข้อตกลงกับนายฮาร์ส ซีโฮเฟอร์ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการจัดการผู้อพยพของเยอรมนีได้ แต่อย่างไรก็ตามหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป นายปีเตอร์แพรท ได้กล่าวว่า ความเสี่ยงด้านการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้นในระยะถัดไป ทั้งนี้การเคลื่อนไหวระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1634-1.1682 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1634/37 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนในวันนี้ (4/7) เปิดตลาดที่ระดับ 110.31/34 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (3/7) ที่ 110.94/97 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยทางการญี่ปุ่นยังไม่ได้มีการประกาศตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจออกมา แต่ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐ ทั้งนี้ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 110.28-110.52
เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 110.45/49 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ได้แก่ การจ้างงานนอกภาคการเกษตรโดยภาคเอกชน (5/7)  จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ (5/7) อัตราค่าจ้างแรงงาน (6/7) การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (6/7) อัตราว่างงาน (6/7)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -2.4/-2.2 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -0.25/0.25 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ

 

% % % % % %