ก้าวสำคัญของตลาดทุนจีน

คอลัมน์ เลียบรั้วเลาะโลก

โดย เดวิด เลียว

ผู้ผลิตกังหันลม ผู้ออกแบบสมาร์ทโฟน และผู้พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของบริษัทจีนรายใหญ่ที่จดทะเบียนซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของจีนทุกวันนี้

บริษัทเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนได้เปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใดในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจที่ได้แรงสนับสนุนจากเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับนวัตกรรม และการบริโภคภายในประเทศมีความสำคัญเพิ่มขึ้นทีละน้อย ในขณะที่บทบาทของอุตสาหกรรมหนักที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจกลับลดน้อยลง

หลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติมีโอกาสน้อยที่จะซื้อหุ้นของบริษัทจีนเหล่านี้หรือบริษัทจีนรายอื่น ๆ ได้โดยตรง แต่ปัจจุบันจีนค่อย ๆ เปิดตลาดทุนทีละน้อย โดยเปิดทางให้นักลงทุนต่างชาติสามารถซื้อหลักทรัพย์และหุ้นกู้ที่เสนอขายในจีนแผ่นดินใหญ่ได้

ตัวอย่างเช่น Stock Connect ที่เชื่อมตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และตลาดหุ้นฮ่องกงซึ่งเปิดตัวในปี 2557 ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีโอกาสซื้อหุ้นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดเซี่ยงไฮ้ผ่านตลาดหุ้นฮ่องกงได้ เช่นเดียวกันการเชื่อมโยงระหว่างตลาดหุ้นเสิ่นเจิ้นและตลาดหุ้นฮ่องกงได้เกิดขึ้นในอีก 2 ปีต่อมา

ย่างก้าวที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน เมื่อ MSCI บริษัทจัดทำดัชนีที่มีอิทธิพลต่อการลงทุนได้รวมเอาหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของจีนแผ่นดินใหญ่กว่า 200 รายเข้ามาคำนวณในดัชนีตลาดเกิดใหม่ ฝ่ายวิจัยระดับโลกของธนาคารเอชเอสบีซี ระบุว่า การรวมเอาหุ้นเข้ามาอยู่ในดัชนีนี้ จะทำให้มีเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นของจีนมีมูลค่ากว่า 600 พันล้านเหรียญสหรัฐในอีก 5-10 ปีข้างหน้า

การไหลเข้าของเงินทุนส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้บริหารสินทรัพย์บางราย อาทิ ผู้ที่ลงทุนในนามกองทุนบำเหน็จบำนาญหรือกลุ่มผู้ออมเงินใช้ดัชนี MSCI เพื่อเป็นแนวทางตัดสินใจในการนำเงินของลูกค้าไปลงทุน ส่วนนักลงทุนอื่น ๆ อาจจะสนใจลงทุนในตลาดทุนของจีนเนื่องจากมีขนาดใหญ่

เศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป

ตลาดหุ้นของจีนเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ขณะที่ตลาดพันธบัตรของจีนใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ทั้งสองตลาดสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบอย่างกว้างขวาง ซึ่งเกิดขึ้นในเศรษฐกิจของจีนในช่วงไม่กี่ปีมานี้

ในปัจจุบัน กว่าร้อยละ 60 ของการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศจีนมาจากภาคเอกชน และร้อยละ 90 เป็นงานใหม่ที่เกี่ยวกับการพัฒนาเมือง โดยจะเห็นว่าบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงก่อกำเนิดขึ้นในหลายภาคธุรกิจ รวมทั้งพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) กระบวนการผลิตขั้นสูง (advanced manufacturing) ยานพาหนะไฟฟ้า (electric vehicle) และปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) ส่วนธุรกิจเสื้อผ้ากีฬา สินค้าเพื่อการท่องเที่ยว และสินค้าฟุ่มเฟือยต่างก็เตรียมรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีฐานะมั่งคั่งเพิ่มขึ้น อีกทั้งการเติบโตของบริษัทที่ทำธุรกิจเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมสะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลที่จะลดมลพิษและแสดงบทบาทเป็นผู้นำในระดับสากลในการจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

การรวมหุ้นจากจีนแผ่นดินใหญ่เข้าไปในดัชนี MSCI เป็นพัฒนาการที่สำคัญ แสดงถึงการที่ประเทศจีนกำลังได้รับการยอมรับให้เป็นส่วนหนึ่งของตลาดทุนโลก

ดัชนี MSCI ยังมีศักยภาพที่จะช่วยปรับปรุงมาตรฐานทางการเงินและมาตรฐานด้านธรรมาภิบาลสำหรับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นบริษัทมหาชนอีกด้วย ตัวอย่างเช่น MSCI ระบุว่าจะไม่นำหุ้นที่ถูกพักการซื้อขายนานเกิน 50 วันในปีที่แล้วมารวมคำนวณในดัชนี ซึ่งส่งผลให้หุ้นนั้น ๆ ขาดแรงจูงใจจากการพักการซื้อขายเป็นเวลานาน นอกจากนี้ MSCI ยังต้องการจะจัดอันดับผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลของหุ้นในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้นักลงทุนมีข้อมูลมากขึ้นเกี่ยวกับการบริหารจัดการของบริษัท และผลกระทบในวงกว้างต่อชุมชน

เหล่านี้เป็นเหตุผลสำคัญสำหรับจีนที่จะต้อนรับการลงทุนจากต่างชาติที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถเอื้อต่อการเติบโตของบริษัทเอกชนที่มีศักยภาพเชิงนวัตกรรมอันมีความสำคัญต่ออนาคตของประเทศ

เราคาดหวังว่าจะเห็นการเปิดเสรีเพิ่มขึ้นของตลาดทุนจีนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ เนื่องจากจีนมุ่งเน้นที่จะปรับสมดุลทางเศรษฐกิจของประเทศให้เสร็จสมบูรณ์