เก็ง กนง.ขึ้นดอกเบี้ยปลายปี กูรูประเมินเศรษฐกิจไทยโตกว่า 4%

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดจับตาศก.ไทยครึ่งปีหลังเผชิญ 3 ปัจจัยเสี่ยง “ท่องเที่ยววูบ-สงครามการค้า-กนง.ขึ้นดบ.” ฟาก “กสิกรฯ” จับตาสงครามการค้ากระทบดัชนี ISM สหรัฐตกลามส่งออกไทย คาด Q3 บาทอ่อนแตะ 34 บาท/USD ด้าน “ซิตี้แบงก์” มองครึ่งปีหลัง ศก.ไทยยังขยายตัวได้ดี

นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2561 นี้ยังคาดจะโตที่ 4.3% โดยครึ่งปีหลังคาดจะโตได้เกิน 4% หรือโตราวไตรมาสละ 4.5% จากปัจจัยหลัก ทั้งการท่องเที่ยว การลงทุนภาครัฐ และการส่งออก ที่น่าจะเติบโตต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงที่ต้องติดตาม 3 ปัจจัยหลัก คือ การท่องเที่ยว โดยเฉพาะผลกระทบด้านความเชื่อมั่นจากเหตุการณ์เรือนักท่องเที่ยวจีนล่มที่จังหวัดภูเก็ต แต่น่าจะกระทบในระยะสั้นต่อนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทย

“หากภาครัฐไม่สามารถทำให้การท่องเที่ยวไทยได้รับความเชื่อมั่น จะยิ่งส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี หรือเดือน ต.ค.ที่เป็นไฮซีซั่นและมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามามาก ซึ่งหากสถานการณ์ไม่คลี่คลายอาจจะส่งผลกระทบต่อภาพเศรษฐกิจโดยรวมได้” นายทิมกล่าว

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องสงครามทางการค้าที่ต้องรอความชัดเจน โดยหากไม่จบภายใน ส.ค.นี้จะทำให้ค่าเงินผันผวนค่อนข้างมาก และอาจกดดันค่าเงินบาทให้อ่อนค่าต่อเนื่องไปสู่จุด 34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐได้ อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเริ่มมีสัญญาณที่ดีจากการที่จีนตอบโต้ทางการค้าลดลง จึงอาจไม่รุนแรงนัก

สุดท้าย ต้องจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รอบต่อไปที่อาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามดอกเบี้ยโลกที่ขยับขึ้น โดยอาจเห็น กนง.ทยอยปรับดอกเบี้ยตั้งแต่ ก.ย.นี้ที่ 0.25% และปรับขึ้นอีกครั้งใน ธ.ค. 2561 เพราะหาก กนง.ไม่ทยอยปรับ ในอนาคตอาจจะต้องขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อนข้างเร็วและก้าวกระโดด ซึ่งจะส่งผลเสียต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจได้

กอบสิทธิ์ ศิลปชัย

นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า สงครามการค้าสหรัฐกับจีน และประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ยังคงส่งผลกระทบเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นความเสี่ยงที่ส่งผลให้กสิกรไทยอาจมีการปรับลดประมาณการอัตราขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจไทยปี 2561 ลง จากปัจจุบันคาดการณ์เติบโตที่ 4.5% ต่อปี ซึ่งตัวแปรสำคัญต้องจับตาดัชนี ISM ของสหรัฐ ที่หากลดต่ำกว่าปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 53 ก็อาจกระทบทำให้การส่งออกของไทยลดลง จากปัจจุบันที่เติบโตได้ 8.8%

ขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาท ทางแบงก์มองว่า ในไตรมาส 3 เงินบาทจะอ่อนค่าไปที่ 34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากสงครามการค้าที่ส่งผลให้ต่างชาติขายสินทรัพย์เสี่ยง และการลดค่าเงินหยวนทางอ้อมของจีน อย่างไรก็ดี พอถึงช่วงสิ้นปีคาดว่าเงินบาทจะแข็งค่ากลับมาอยู่ที่ 33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะหยุดมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE) ทำให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นที่สนใจน้อยลง และมีผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นได้

นายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังปี 2561 นี้ เศรษฐกิจไทยจะยังขยายตัวได้ดี โดยทั้งปีจะโตที่ 4.2% แต่ยังมีความกังวลผลกระทบสงครามการค้า