ดอลลาร์ร่วง หลังเดโมแครตครองที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร

แฟ้มภาพ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุธที่ 7 พฤศจิกายน 2561 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (7/11) ที่ระดับ 32.91/93 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดในวันอังคาร (6/11) ที่ระดับ 32.94/96 บาท/ดอลลาร์ ค่าเงินดอลลาร์ผันผวนระหว่างวันขณะที่ตลาดรอลุ้นผลการเลือกตั้งกลางสมัยของสหรัฐ แต่ภายหลังจากที่มีการประกาศผลการเลือกตั้ง ดอลลาร์อ่อนค่าลง เมื่อพรรคเดโมแครตได้ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งเพิ่มโอกาสที่จะเกิดภาวะชะงักงันทางการเมือง และทำให้เกิดความไม่แน่ใจเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างไรก็ตามพรรครีพับลิกันยังคงสามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐได้ตามที่ตลาดคาดไว้ โดยระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.82-33.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 33.80/82 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (7/11) ที่ระดับ 1.1431/33 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (6/11) ที่ระดับ 1.1416/18 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ค่าเงินยูโรปรับตัวแข็งค่าขึ้นก่อนการประกาศผลการเลือกตั้งกลางสมัยของสหรัฐภายใต้ความกังวลว่า หากเดโมแครตได้ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ อาจส่งผลให้นโยบายต่าง ๆ ของทรัมป์เผชิญกับความไม่แน่นอน โดยวานนี้ทางฝั่งของยูโรโซน มีการเปิดเผยตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) แบบคอมโพสิตขั้นปลายของมาร์กิต ลดลงสู่ระดับ 53.1 ในเดือน ต.ค. จากระดับ 54.1 ในเดือน ก.ย. สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ระดับ 52.7 ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการลดลงสู่ระดับ 53.7 จากระดับ 54.7 ในเดือน ก.ย. สูงกว่าที่ตลาดไว้ที่ระดับ 53.3 โดยผลสำรวจพบว่ากิจกรรมในภาคธุรกิจในยูโรโซนชะลอตัวสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีในเดือนตุลาคม จากสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเมืองมากขึ้น ขณะเดียวกันดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของยูโรโซนเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในเดือน ก.ย. จากราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือนในเดือน ก.ย. และ 4.5% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน และ 4.2% เมื่อเทียบรายปี

สำหรับประเด็นงบประมาณของอิตาลี นายปิแอร์ มอสโกวิซี กรรมาธิการของสหภาพยุโรป (EU) กล่าวเมื่อวานนี้ว่า คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) อาจจะดำเนินมมาตรการลงโทษอิตาลีในฐานะทางเลือกสุดท้าย ถ้าหากอิิตาลีกับ EU ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในเรื่องงบประมาณของอิตาลีได้ อย่างไรก็ตามอิตาลียังคงมีเวลาเหลืออยู่อีก 1 สัปดาห์ในการแก้ไขแผนงบประมาณของตนเอง ก่อนจะถึงวันกำหนดในวันที่ 13 พ.ย.นี้ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1396-1.1488 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1485/87 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (7/11) ที่ระดับ 113.53/55 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (6/11) ที่ 113.21/23 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนรอดูผลการเลือกตั้งช่วงกลางสมัยในสหรัฐ เพื่อดูผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยเช้าวันนี้รัฐบาลญี่ปุ่นได้รายงานว่า ค่าแรงที่แท้จริงของคนงานญี่ปุ่นร่วงลงในเดือน ก.ย. เป็นเดือนที่สองติดต่อกัน และสิ่งนี้ถือเป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วงที่แสดงให้เห็นว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันเบนซินกับค่าครองชีพส่งผลให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อน้อยลง ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 112.97.03-113.81 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 113.05/07 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การเลือกตั้งรัฐสภาสหรัฐ (6/11) ปริมาณการสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐ (7/11) ยอดค้าปลีกเดือน ก.ย.ของยูโรโซน (7/11) ยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือน ต.ค. ของจีน (8/11) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (8/11) การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) (7-8/11) ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐ (9/11) ความเชื่อมันผู้บริโภคขั้นต้นเดือน พ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (9/11) ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน ต.ค.ของจีน (9/11) ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศประจำไตรมาส 3 ของอังกฤษ (9/11)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -1.8/-1.4 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -0.068/+0.03 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ