กลุ่มพลังงานดันดัชนีหุ้นบวก 5.31 จุด

นายพบชัย ภัทราวิชญ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชียพลัส เปิดเผยภาพรวมตลาดหุ้นวันที่ 30 พ.ย.61 ปิดตลาดที่ดัชนี 1,641.80 จุด เพิ่มขึ้น 5.31 จุด หรือปรับเพิ่มขึ้น 0.32% และมีมูลค่าการซื้อขายที่ 36,622.06 ล้านบาท โดยภาพการเคลื่อนไหวของดัชนีวันนี้ มีการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบช่วงเช้า แต่สามารถพลิกกลับมาปิดบวกได้จากแรงซื้อที่เข้ามาในช่วงบ่าย ซึ่งหุ้นกลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มที่นำตลาด โดยเฉพาะ PTT และ PTTEP หุ้นกลุ่มธนาคาร ได้แก่ SCB และ BBL รวมถึงหุ้นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้แก่ TRUE และ ADVANC ที่ราคาหุ้นสามารถดีดกลับ (Rebound) ขึ้นมาได้

ส่วนปัจจัยที่หนุนตลาดยังคงเป็นการประชุม G20 ที่มีการคาดการณ์ว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะลงเอยด้วยดี อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ยังต้องกังวลคือ มูลค่าการซื้อขายในวันนี้ที่มีมูลค่าเบาบางกว่าเมื่อวาน(29 พ.ย.61) จึงมีโอกาสที่ดัชนีอาจปรับขึ้นอย่างไม่ยั่งยืน ซึ่งนักลงทุนจะต้องระวังแรงขายที่อาจเกิดขึ้นได้

ในสัปดาห์หน้าคาดว่าดัชนีฯ จะยังคงปรับขึ้นต่อเนื่องจากผลการประชุม G20 รวมถึงมาตรการช็อปช่วยชาติที่จะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า จะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก นอกจากนี้ในวันที่ 7 ธ.ค.61 จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และตัวแทนพรรคการเมือง ซึ่งคาดว่าจะเป็นการปลดล็อคให้สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ ส่วนปัจจัยราคาน้ำมัน ในวันที่ 6 ธ.ค.61 จะมีการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) หากมีการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงคาดว่าจะส่งผลดีต่อหุ้นพลังงาน จากภาพรวมทั้งหมดของสัปดาห์หน้าจึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่แนวรับ 1,620 จุดและแนวต้าน 1,665 จุด โดยคาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ (Sideway)

ด้านกลยุทธ์การลงทุนยังคงแนะนำหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากปัจจัยในประเทศ (Domestic Play) ได้แก่ กลุ่มค้าปลีกที่ได้รับแรงหนุนจากมาตรการส่งเสริมการใช้จ่ายจากภาครัฐ BJC CPALL ROBINS และ HMPRO รวมถึงกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่จะได้รับแรงหนุนจากการประกาศผลผู้ชนะการประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินใน 1-2 สัปดาห์หน้า และโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (อีอีซี) ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง STEC และ CK กลุ่มเสาเข็ม SEAFCO นอกจากนี้ยังแนะนำกลุ่มสาธารณูปโภค EASTW และ BGRIM ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความผัวผวนต่ำและผลตอบแทนสูง