“สรรพสามิต” จับ-ปรับสินค้าผิดกฎหมาย 123 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 1.85 ล้านบาท

กรมสรรพสามิตดำเนินมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายสรรพสามิต เพื่อสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต

นางสดศรี พงศ์อุทัย รองอธิบดีกรมสรรพสามิต รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ได้ดำเนินงานตามมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 และจูงใจผู้ที่อยู่นอกระบบให้เข้ามาสู่ระบบภาษี ซึ่งที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้จัดทำแผนเฉพาะกิจปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตโดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ จากสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม และเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศพร้อมสนธิกำลัง กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าอาจมีการกระทำผิด เพื่อสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการ ที่เสียภาษีโดยสุจริต และเพื่อเป็นมาตรการเสริมทางอ้อมในการดูแลสุขภาพของผู้บริโภค ให้บริโภคสินค้า ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากการบริโภคสินค้าที่หลีกเลี่ยงภาษีจะเป็นอันตรายและส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าสินค้าโดยทั่วไป

จากผลการตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 โดยผลการปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตทั่วประเทศ ปีงบประมาณ 2562 (ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2561 – 3 มกราคม 2562) พบว่ามีการกระทำผิด จำนวน 123 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 1.85 ล้านบาท โดยแยกเป็น

– สุรา จำนวน 69 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 0.58 ล้านบาท
– ยาสูบ จำนวน 34 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 1.07 ล้านบาท
– ไพ่ จำนวน 1 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 0.003 ล้านบาท
– น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จำนวน 8 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 0.10 ล้านบาท
– รถจักรยานยนต์ จำนวน 6 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ จำนวน 0.06 ล้านบาท
– สินค้าอื่น ๆ จำนวน 5 คดี รวมเป็นเงินค่าปรับ 0.04 ล้านบาท

โดยมีของกลางแยกเป็นน้ำสุรา จำนวน 748.645 ลิตร ยาสูบ จำนวน 2,308 ซอง ไพ่ จำนวน 12 สำรับ น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จำนวน 15,120.000 ลิตร รถจักรยานยนต์ จำนวน 4 คัน