“สมคิด” เดินสายกระตุ้นเบิกจ่ายลงทุน ห้ามข้าราชการ-รัฐวิสาหกิจเกียร์ว่างช่วง 3-4 เดือน ก่อนมีรบ.ใหม่

“สมคิด” เดินสายกระตุ้นเบิกจ่ายลงทุน ห้ามข้าราชการ-รัฐวิสาหกิจเกียร์ว่างช่วง 3-4 เดือน ก่อนมีรัฐบาลใหม่ ชี้เศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกน่าห่วงต้องรักษาโมเมนตัมการลงทุนเพื่อประคองไปให้ได้ ตั้งเป้าปี’62 ต้องเบิกจ่ายมากกว่า 90% สั่ง สคร. กำหนด KPI เข้มวัดประสิทธิภาพซีอีโอรัฐวิสาหกิจเร่งรัดเบิกจ่าย

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังการประชุมติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ที่มีวงเงินลงทุนขนาดใหญ่ 18 แห่ง ว่า ปีนี้เศรษฐกิจโลกไม่ค่อยดี มีความไม่แน่นอนสูง แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือ ประเทศไทยมีการลงทุนของรัฐและรัฐวิสาหกิจ ที่มีโครงการอยู่แล้ว ซึ่งหากรักษาโมเมนตัมการลงทุนไว้ได้ แม้ว่าการส่งออกจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ก็จะสามารถประคองเศรษฐกิจไทยให้ผ่านพ้นครึ่งปีแรกไปได้ และหลังจากนั้นตนเชื่อว่า จะค่อย ๆดีขึ้น

โดยทางสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินว่า ปี 2562 นี้เศรษฐกิจจะโตได้ราว 4% ก็ต้องพยายามประคองให้ได้ตามเป้าที่วางไว้ ส่วนเศรษฐกิจปี 2561 ที่ผ่านมา คิดว่ายังไงก็คงโตได้ 4% ต้น ๆ
“ทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ก็พยามเร่งรัด ซึ่งผมก็ได้กำชับรัฐวิสาหกิจว่า เราต้องทำงานแข่งกับเวลา ยังเหลือเวลาอีกตั้ง 3-4 เดือน กว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ดังนั้นจะไปทำงานเรื่อย ๆไม่ได้ สถานการณ์โลกไม่ดี ทุกหน่วยงานต้องพยายามเร่งรัด ต้องคอยดูลูกน้องเราทำงานเต็มที่หรือยัง ถ้าติดปัญหาอะไรก็รีบประสาน สคร. ไม่ใช่อะไร ๆ ก็จะมาลดเป้า ซึ่งอนาคตเรื่องการลดเป้าจะใช้วัดประสิทธิภาพการทำงานของซีอีโอ” นายสมคิดกล่าว

ทั้งนี้ การเบิกจ่ายไม่ควรไปเร่งเอาตอนปลาย ๆปี แต่ควรจะเบิกจ่ายแบบฟร้อนท์โหลด หรือหากมีบางโครงการต้องชะลอ ก็ต้องหาโครงการอื่นมาทำแทน เพิ่มโครงการลงทุนเข้าไป

นายสมคิด กล่าวว่า การที่ตนมาประชุม ก็เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจทำงาน ขณะเดียวกันวันที่ 11 ก.พ.นี้ ก็จะไปกระตุ้นข้าราชการกระทรวงคมนาคมด้วย

นางปานทิพย์ ศรีพิมล ที่ปรึกษาด้านพัฒนารัฐวิสาหกิจ สคร. กล่าวว่า การประชุมติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายในปี 2562 เพื่อให้การลงทุนของรัฐวิสาหกิจยังคงเป็นกลไกหลักในการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2562 โดยรองนายกฯ ได้มอบนโยบายให้รัฐวิสาหกิจร่วมมือในการลงทุนให้ได้ตามแผนงานและเร่งให้มีการเบิกจ่ายโครงการที่มีอยู่ให้มาลงทุนในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปีนี้ให้มากขึ้น

ทั้งนี้ ให้รัฐวิสาหกิจและกระทรวงเจ้าสังกัดพิจารณาให้การปรับปรุงกรอบการลงทุนในปี 2562 เฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น พร้อมให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจกำหนดให้มีการพิจารณาการเบิกจ่ายงบลงทุนในการประชุมคณะกรรมการทุกครั้ง และกำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายของการเบิกจ่ายงบลงทุนในการประเมินผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ โดยให้กำหนดน้ำหนักที่สูงสำหรับรัฐวิสาหกิจที่มีการลงทุนสูง

นางปานทิทพ์ กล่าวว่า ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจปี 2561 ที่ผ่านมา รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายได้ 85% ของวงเงิน 445,191 ล้านบาท สูงกว่าปี 2560 ที่เบิกจ่ายได้ 84% ส่วนปี 2562 มีวงเงินงบลงทุนทั้งสิ้น 382,466 ล้านบาท ซึ่งรัฐวิสาหกิจได้ทำแผนเบิกจ่ายมาว่าจะทำได้ไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าเบิกจ่ายให้ได้กว่า 902% ขณะนี้รัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีปฏิทินเบิกจ่ายช่วง 4 เดือนแรก ได้แล้ว 58% ของแผน ยังมีล่าช้าหลายโครงการ ซึ่งที่ประชุมให้ สคร. เข้าไปช่วยรัฐวิสาหกิจดู

สำหรับรัฐวิสาหกิจที่เบิกจ่ายล่าช้าอยู่ บางส่วนเป็นเพราะการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่ง สคร.จะหารือกับกรมบัญชีกลางเพื่อหาทางแก้ปัญหาผ่อนปรนบางกระบวนการ

“มาตรการที่รองนายกฯ กับ รมว.คลัง และ รมว.คมนาคมให้สคร.เข้าไปดู ว่ารัฐวิสาหกิจส่วนหนึ่งที่อาจจะมีการปรับแผนลงทุนที่ต้องตกลงกับ สศช. ก็ให้ดูเหตุผลความจำเป็น ซึ่งเม็ดเงินลงทุนไม่อยากให้ต่ำกว่าเดิม ขณะที่การเบิกจ่ายงบลงทุนจะเป็นตัวชี้วัดของซีอีโอด้วย ปีนี้ก็คิดว่าจะปรับ KPI ให้เข้มข้นขึ้นด้วย และจะเร่งรัดผ่านทางกรรมการรัฐวิสาหกิจด้วย” นางปานทิพย์กล่าว

นายชาญวิทย์ นาคบุรี รองผู้อำนวยการ สคร. ในฐานะโฆษก สคร. สรุปผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจว่า กรอบลงทุนทั้งปีของรัฐวิสาหกิจ 45 แห่ง ที่ สคร. กำกับดูแล มีมูลค่าสูงถึง 395,664 ล้านบาท โดยเป็นของรัฐวิสาหกิจที่มีวงเงินลงทุนขนาดใหญ่ 18 แห่ง จำนวน 386,191 ล้านบาท หรือคิดเป็น 98% ของกรอบลงทุนทั้งหมด ทั้งนี้ รัฐวิสาหกิจ 18 แห่ง ดังกล่าวมีผลการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมปี 2562 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 – มกราคม 2562 จำนวน 34,819 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58% ของแผนการเบิกจ่ายสะสม ซึ่งถือว่าการเบิกจ่ายค่อนข้างล่าช้า โดยเฉพาะการรถไฟแห่งประเทศไทยและบริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!