หุ้นไทยปิดลบ หลังดัชนีทะยานขึ้นช่วงเช้า โบรกฯ ชี้คาบเกี่ยววันหยุด มูลค่าซื้อขายเบาบาง

นายพบชัย ภัทราวิชญ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันที่ 18 ก.พ.62 ปิดตลาดที่ดัชนี 1,635.71 จุด ลดลง 1.23 จุด หรือลดลง 0.08% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 34,318.41 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดหุ้นจะปิดลบเพียงเล็กน้อย แต่เห็นการปรับตัวลดลงของดัชนีจากระดับค่อนข้างสูง (ปรับขึ้น 10.8 จุดในช่วงเช้าจาก 1,636.94 – 1,647.74) ซึ่งเป็นภาพที่ไม่ค่อยดีนัก รวมทั้ง มีมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง โดยภาพการเคลื่อนไหวดังกล่าวมาจาก 1.วันพรุ่งนี้ (19 ก.พ.62) ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ เนื่องในวันมาฆบูชา ซึ่งเป็นวันหยุดขั้นกลางวันทำการ 2.ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันประธานาธิบดี (President Day) ซึ่งนักลงทุนมีแนวโน้มลงทุนข้ามวันหยุดค่อนข้างน้อย

ส่วนปัจจัยที่หนุนให้ดัชนีในช่วงเช้าเปิดบวกกว่า 10 จุดได้ เนื่องจากปัจจัยเชิงบวกจากต่างประเทศ ได้แก่ ความเสี่ยงจากการปิดหน่วยงานราชการของสหรัฐฯ (Government Shutdown) หมดไป และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนออกมาค่อนข้างดี รวมทั้งปัจจัยในประเทศ คือ การประกาศตัวเลขจีดีพีของไตรมาส 4/61 ที่ผ่านมา ออกมาค่อนข้างที่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเผชิญแรงขายตามมาในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นการขายเพื่อลดความเสี่ยงในการถือหุ้นข้ามวันหยุด ส่วนกลุ่มที่กดดันตลาดวันนี้ค่อนข้างกระจัดกระจาย เช่น AOT -0.25 จุด หรือ -0.37% และ BDMS -0.10 จุด หรือ -0.42%

ด้านประเด็นแวดล้อม นักวิเคราะห์มองว่า ตลาดหุ้นได้สะท้อนปัจจัยเชิงบวกไปมากพอสมควรแล้ว โดยยังมีปัจจัยในประเทศที่ยังต้องติดตามต่อ ได้แก่ ปัจจัยการเมือง ซึ่งต้องติดตามคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) หรือไม่ รวมทั้งติดตามการหาเสียงและนโยบายต่างๆ ของพรรคการเมือง ส่วนประเด็นอื่นๆ ได้แก่ การประกาศงบของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ซึ่งจะประกาศต่อเนื่องไปจนถึงสัปดาห์หน้า และระวัง Sell on Fact ของกลุ่มพลังงานซึ่งเป็นกลุ่มที่ Market Cap ค่อนข้างสูง โดยประเมินว่าผลประกอบการไตรมาส 4/61 มีโอกาสขาดทุน

ส่วนแนวโน้มของตลาดหุ้นในวันพุธ (20 ก.พ.62) ประเมินว่ามีโอกาสย่อตัวลงมาเล็กน้อยที่ดัชนีแนวรับ 1,625 จุด ซึ่งเป็นบริเวณที่แนะนำให้ทยอยสะสม และคาดว่าจะสามารถดีดกลับ (Rebound) ขึ้นไปได้อีกครั้ง โดยให้แนวต้านไว้ที่ 1,650 จุด ด้านกลยุทธ์การลงทุนแนะนำลงทุนรายหุ้น ได้แก่ หุ้นที่มีปันผลสูง ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์แนะนำ LH และ QH กลุ่มเช่าซื้อ/ลิสซิ่งแนะนำ THANI และกลุ่มไอซีที (ICT) แนะนำ ADVANC นอกจากนี้ยังแนะนำกลุ่มพลังงาน เนื่องจากที่ผ่านมาราคาหุ้นยังไม่สะท้อนราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แนะนำ PTTEP ซึ่งเป็นหุ้นที่มีปันผลสูงเช่นกัน