บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รายงานราคาทองคำ วันที่ 14 พ.ค. 2562 และแนวโน้มการซื้อขายทองคำ
สรุป ราคาทองคำวานนี้ทะยานขึ้นถึง 14.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากวานนี้จีนตอบโต้สหรัฐด้วยการประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐในวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย. ถึงแม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะออกมาทวีตเตือนก่อนหน้านั้นไม่ให้จีนตอบโต้สหรัฐก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวกระตุ้นแรงเทขายในสินทรัพย์เสี่ยงในวงกว้างทั้งในตลาดหุ้นยุโรปไปจนถึงตลาดหุ้นสหรัฐซึ่งถูกเทขายอย่างหนัก ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 617.38 จุด หรือ -2.38% , ดัชนี S&P500 ปิดลบ 69.53 จุด หรือ -2.41% และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 269.92 จุด หรือ -3.41% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยให้ดีดตัวขึ้นมาปิดบวกกว่า +1.1% และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย. บริเวณ 1,301.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR เพิ่มการถือครองทองคำลงวานนี้ +3.23 ตัน สำหรับวันนี้ยังคงต้องจับตาการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่างๆจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ รวมไปถึงติดตามการเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจขนาดเล็กจาก NFIB และถ้อยแถลงของนาย John Williams ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก และนาง Esther George ประธานเฟดสาขาแคนซัส ซิตี้
คำแนะนำ : ราคาอาจยังคงมีการแกว่งตัวผันผวน การลงทุนอาจรอการอ่อนตัวลงของราคาจึงค่อยเข้าซื้อ หรือ หากราคาทองคำไม่สามารถยืน 1,307-1,311 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ให้แบ่งทองคำออกขายเพื่อทำกำไรบางส่วน แต่หากผ่านได้ให้ชะลอการขายออกไป