ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ตลาดพันธบัตรสหรัฐส่งสัญญาณศก.ถดถอย

ภาพประกอบข่าวดอลลาร์สหรัฐ
แฟ้มภาพ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม 2562 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (14/8) ที่ระดับ 30.80/82 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดในวันพุธ (13/8) ที่ระดับ 30.83/84 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หลังเมื่อคืน (14/8) ตลาดพันธบัตรสหรัฐ ส่งสัญญาณถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยสัญญาณดังกล่าวเกิดจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับร้อยละ 1.630 เป็นระดับที่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งอยู่ที่ระดับร้อยละ 1.623 โดยนักลงทุนให้ความสนใจเกี่ยวกับส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 2 ปี และ 10 ปี เนื่องจากตามสถิติแล้ว การเกิดภาวะ Inversion (การที่อัตราผลตอบแทนระยะสั้นสูงกว่าระยะยาว) ของเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ นี้บ่งชี้ถึงภาวะถดถอยในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ระหว่างวัน (15/8) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปีร่วงลงมาแตะระดับที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 1.9623 การร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐ มีสาเหตุจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจโลกโดยรวมชะลอตัวลง ส่งผลให้อุปสงค์สำหรับสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อวาน (14/8) นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ ได้ออกมาแสดงความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มสูงสุดที่จะไม่เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเมื่อเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจของประเทศอื่น แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐอยู่มากเกินกว่าที่จะให้นักลงทุนวางใจได้

นอกจากนี้ นางเยลเลนกล่าวว่าการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจอาจเกิดจากหลายปัจจัย โดยไม่จำเป็นต้องบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจในอนาคตก็ได้ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 30.82-30.89 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 30.86/88 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (5/8) ที่ระดับ 1.1140/43 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (14/89) ที่ระดับ 1.1178/80 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินยูโรปรับตัวอ่อนค่าลงมากในช่วงการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กโดยได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ไม่น่าพอใจนัก โดยเมื่อวาน (14/8) มีรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของเยอรมนีปรับตัวลดลงร้อยละ 0.1 ในไตรมาส 2 จากเดิมที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ในไตรมาส 1 อีกทั้งมีรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของสหภาพยุโรปประจำไตรมาส 2 ซึ่งออกมาปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวที่ร้อยละ 0.2 เท่ากับระดับที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ มีรายงานยอดการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหภาพยุโรปประจำเดือนมิถุนายนออกมาปรับตัวลดลงร้อยละ 1.6 เมื่อเปรียบเทียบรายเดือนซึ่งลดลงมากกว่าระดับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้วาจะลดลงร้อยละ 1.5 ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1132-1.1154 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1147/49 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (15/8) ที่ระดับ 105.93/95 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (14/8) ที่ระดับ 106.35/37 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ เงินเยน
แข็งค่าในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยขณะที่นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกมากขึ้น หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีปรับตัวมาอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 105.71-106.77
เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 105.85/88 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ของสหรัฐ ประจำเดือนสิงหาคม (15/8), ดัชนียอดค้าปลีกเดืนอกรกฎาคม (15/8), รายงานอนุญาตก่อสร้างของสหรัฐเดือนกรกฎาคม (16/8), และ ดุลการค้าของยูโรโซนประจำเดือนมิถุนายน (16/8)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -2.40/-2.20 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ 0.93/3.02 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ