ยาวไป! ลงทะเบียน “ชิมช้อปใช้” ยังไม่จบ คลังชี้ยังรับสิทธิ์ได้อีก 2 ล้านราย เปิดให้ลงทะเบียนได้ต่อแม้พ้นวันที่ 10

ยาวไปๆ ลงทะเบียน “ชิมช้อปใช้” ยังไม่จบ คลังชี้ยังรับสิทธิ์ได้อีก 2 ล้านราย เปิดให้ลงทะเบียนได้ต่อแม้พ้นวันที่ 10 แล้ว เผยช่วง 5 วันแรก จังหวัดที่คนใช้เงิน 1,000 บาทสูงสุด คือ “กรุงเทพ” ตามด้วย “ชลบุรี-สมุทรปราการ” คนอายุ 22-30 ปีใช้จ่ายมากสุด 35%

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผู้ที่ยังลงทะเบียนไม่ผ่าน หรือยังไม่ได้ลงทะเบียนรับสิทธิ์มาตรการ “ชิมช้อปใช้” ยังสามารถลงทะเบียนต่อเนื่องไปได้ จนกว่าจะครบ 10 ล้านรายตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งการลงทะเบียนแต่ละวันจะจำกัดแค่ 1 ล้านรายเหมือนเดิม โดยในช่วง 10 วันแรก มีผู้ลงทะเบียนรับสิทธิ์มาตรการ “ชิมช้อปใช้” เต็มตามโควตา 1 ล้านรายทุกวัน แต่เนื่องจากมีผู้ลงทะเบียน ไม่ผ่านวันละประมาณ 2 แสนราย หรือรวม ๆแล้วจะยังมีสิทธิ์คงเหลือประมาณ 2 ล้านราย ซึ่งระบบจะเปิดให้ลงทะเบียนต่อเนื่องไป

ทั้งนี้ ได้ทำการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ลงทะเบียน 7 วันแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยมีผู้ได้รับสิทธิ์ 5,538,368 ราย ซึ่งผู้ลงทะเบียน 6 วันแรกได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์แล้วจำนวน 4,723,592 ราย สำหรับอีก 814,776 ราย จะได้รับภายในวันนี้ ทั้งนี้ มีผู้เข้ายืนยันตัวตนในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” แล้ว 3,902,443 ราย โดยยืนยันตัวตนสำเร็จ 2,719,267 ราย และมีผู้ที่ยังไม่ได้ติดตั้งแอปพลิเคชัน 821,149 ราย

สำหรับในการใช้จ่าย 5 วันแรก มีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 706,450 ราย มีการใช้จ่ายรวมประมาณ 628 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่าย g-Wallet ช่อง 1 ประมาณ 621 ล้านบาท โดยเป็นการใช้จ่ายที่ร้าน “ช้อป” ซึ่งเป็นร้านในกลุ่ม OTOP ร้านวิสาหกิจชุมชน รวมทั้งร้านธงฟ้าประชารัฐกว่า 50% หรือประมาณ 330 ล้านบาท ส่วนร้าน “ชิม” หรือร้านอาหารและเครื่องดื่ม มียอดใช้จ่ายประมาณ 98 ล้านบาท ร้าน “ใช้” เช่น โรงแรม โฮมสเตย์ เป็นต้น มียอดใช้จ่ายประมาณ 10 ล้านบาท และร้านค้าทั่วไป มียอดใช้จ่ายประมาณ 183 ล้านบาท ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า มีการใช้จ่ายในร้านค้าขนาดใหญ่ที่มีหลายสาขาประมาณ 142 ล้านบาท หรือเพียง 22% ของยอดใช้จ่ายทั้งหมด

นายลวรณ กล่าวอีกว่า สำหรับการใช้จ่าย g-Wallet ช่อง 2 มีผู้ใช้สิทธิ์แล้วจำนวน 2,962 ราย มียอดใช้จ่ายประมาณ 7.5 ล้านบาท หรือเฉลี่ยรายละประมาณ 2,532 บาท โดยเป็นการใช้จ่ายที่ร้าน “ช้อป” ประมาณ 5 ล้านบาท ส่วนร้าน “ชิม” และร้าน “ใช้” มียอดใช้จ่ายใกล้เคียงกันที่ประมาณ 1 ล้านบาท

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาจากจังหวัดที่มีการใช้จ่ายมากที่สุด พบว่า 10 อันดับแรก ได้แก่ (1) กรุงเทพฯ ประมาณ 87 ล้านบาท (2) ชลบุรี ประมาณ 48 ล้านบาท (3) สมุทรปราการ ประมาณ 29 ล้านบาท (4) ระยอง ประมาณ 20 ล้านบาท (5) ปทุมธานี ประมาณ 20 ล้านบาท (6) พระนครศรีอยุธยา ประมาณ 19 ล้านบาท (7) ลำพูน ประมาณ 18 ล้านบาท (8) เชียงใหม่ ประมาณ 17 ล้านบาท (9) นครปฐม ประมาณ 17 ล้านบาท และ (10) นนทบุรี ประมาณ 15 ล้านบาท

ทั้งนี้ กลุ่มที่มีการใช้จ่ายมากที่สุด คือ ช่วงอายุ 22-30 ปี ประมาณ 35% รองลงมาคือช่วงอายุ 31-40 ปี ประมาณ 30 %

“จากการตรวจสอบปัญหาในการยืนยันตัวตน พบว่า ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับแสงที่อาจสว่างเกินไปหรือผิดตำแหน่งในขณะถ่ายภาพ รวมทั้งการถ่ายโดยใช้แอปพลิเคชันตกแต่งภาพ ที่ทำให้ภาพไม่เหมือนจริง ซึ่งที่ผ่านมา ธนาคารกรุงไทยฯ ได้มีการติดตามเพื่อให้คำแนะนำแก่ผู้ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ วันละกว่า 5,000 ราย และมีผู้ไปยืนยันตัวตนผ่านธนาคารแล้วกว่า 2 แสนราย ซึ่งขณะนี้ ธนาคารกรุงไทยฯ อยู่ระหว่าง การปรับปรุงระบบการยืนยันตัวตนให้รวดเร็วขึ้น โดยคาดว่าจะใช้เวลาอีก 1-2 วัน” นายลวรณกล่าว