“คลองจั่น” เทขายหุ้น “สหประกัน” 289 ล้านบาท

“สหประกันชีวิต” ปรับสัดส่วนผู้ถือหุ้นใหม่ พ.ย.นี้ หลัง “สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น” เทขายหุ้น 289 ล้านบาท นำเงินไปอุ้มฐานะสหกรณ์ เผยมี 5 สหกรณ์โดดเข้าซื้อหุ้น ฟากเอ็มดี เผยบริษัทกำไรต่อเนื่อง-ล้างขาดทุนสะสมหมด ลั่นจ่ายปันผลผู้ถือหุ้นครั้งแรก 0.25 บาท/หุ้น ลุ้นทันปีนี้

นายนิพจน์ วีระสุนทร ประธานกรรมการ บมจ.สหประกันชีวิต เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในเดือน พ.ย.นี้ จะมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท โดยสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ที่ 30 ล้านหุ้น ได้ขายหุ้นให้กับสหกรณ์อื่น ๆ รวมกว่า 28 ล้านหุ้น หลังจากมีปัญหาฐานะทางการเงิน จึงขายหุ้นเพื่อนำเงินไปใช้บริหารกิจการสหกรณ์ ซึ่งต้องขายหุ้นให้สหกรณ์ด้วยกันเท่านั้น โดยพบว่า มี 5 สหกรณ์ที่สนใจเข้ามาซื้อหุ้น

“รอบนี้มีสหกรณ์ที่เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหม่เพิ่มเติม คือ สหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานบริษัทการบินไทย จำนวน 7.4 ล้านหุ้น” นายนิพจน์กล่าว

นายสหพล สังข์เมฆ กรรมการผู้จัดการ บมจ.สหประกันชีวิต กล่าวว่า จากการขายหุ้นครั้งนี้ จะทำให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ได้รับเงินเป็นจำนวน 289 ล้านบาท

ส่วน บมจ.สหประกันชีวิต ปีนี้บริษัทตั้งเป้าเบี้ยประกันรับรวมที่ 1,000 ล้านบาท เติบโต 10% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดย 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย. 62) มีเบี้ยเข้ามาแล้วกว่า 600 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าปีนี้อาจจะไม่ได้โตมากนัก เนื่องจากบริษัทได้ยกเลิกช่องทางขายผ่านโบรกเกอร์ เพราะขาดทุนหนักจากเคลมประกันสุขภาพ

“ผลขาดทุนอาจจะไม่ได้เข้าเนื้อมาก เพียงแต่วิธีการขายลำบาก และเราไม่พร้อมที่จะทำ เราจึงกลับมาโฟกัสจุดแข็งคือ การขายประกันผ่านสหกรณ์ ปัจจุบันมีสัดส่วนเบี้ยกว่า 90% และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่มีเบี้ยประมาณ 10% เป็นหลัก” นายสหพลกล่าว

สำหรับสินค้าหลักของบริษัท ส่วนใหญ่มียอดขายจากประกันสินเชื่อสัดส่วนกว่า 70% ประกันกลุ่ม 20% และที่เหลืออีก 10% มาจากประกันสะสมทรัพย์ โดยประกันสินเชื่อค่อนข้างขายดี เพราะถูกกับวัฒนธรรมของสหกรณ์ ที่สามารถใช้เป็นหลักประกันเมื่อสมาชิกกู้เงินสหกรณ์ได้ ซึ่งบริษัทออกแบบโปรดักต์เป็นแบบไม่มีเงินคืน (ไม่การันตีผลตอบแทน) และเลือกชำระเบี้ยครั้งเดียว (ซิงเกิลพรีเมี่ยม) ตลอดอายุสัญญา 3 ปี 5 ปี เหมาะกับภาวะดอกเบี้ยต่ำ

นายสหพลกล่าวอีกว่า บริษัทจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดในปีนี้ และคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้เป็นครั้งแรกภายในปีนี้หรือปีหน้า ซึ่งต้องได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ก่อน โดย ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2562 บริษัทมีกำไรสะสมเป็นปีแรกอยู่ที่ 22.70 ล้านบาท จากการที่มีกำไรสุทธิต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2556 ขณะที่บริษัทมีทุนจดทะเบียนทั้งหมด 2,000 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวมกว่า 2,285 ล้านบาท เงินทุนสำรองประกันภัยกว่า 1,088 ล้านบาท และเงินกองทุนกว่า 1,101 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกองทุน (CAR) สูงถึง 609%

“ครึ่งปีแรกปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิแล้ว 76.07 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปีนี้กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 146.14 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่าหุ้นสูงอยู่ที่ 10 บาทต่อหุ้น จากอัตราผลตอบแทนการลงทุนที่ 3.5% มีอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ที่ 83.06% ดังนั้น จึงมีแผนที่จะจ่ายปันผลที่อัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น โดยไม่มีการเพิ่มทุน” นายสหพลกล่าว