“SAWAD” กำไรไตรมาส 3 นิวไฮทะลุพันล้าน

“ศรีสวัสดิ์” รายงานกำไรไตรมาส 3 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1,006.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.66% YoY ฟากพอร์ตลูกหนี้เพิ่มขึ้นราว 25% YoY ที่ 3.3 หมื่นล้าน ขณะที่หนี้เสียลดลงเหลือ 4.3% จากการเข้าเจรจา-ดูแลลูค้าอย่างใกล้ชิด

นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2562 บริษัทและบริษัทย่อยมีผลกำไรรวมสุทธิ 1,006.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 179.17 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 21.66% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 827.36 ล้านบาท

โดยมีรายได้ดอกเบี้ยงวดไตรมาส 3/2562 จำนวน 1,909.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 378.15 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 24.69% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2561 ที่มีรายได้ดอกเบี้ย 1,531.78 ล้านบาท ซึ่งก็เป็นผลมาจากการเติบโตของพอร์ตลูกหนี้จาก 27,029.64 ล้านบาท ในช่วงสิ้นสุดไตรมาส 3/2561 เพิ่มขึ้นมาเป็น 33,614.44 ล้านบาท ในช่วงสิ้นสุดไตรมาส 3/2562 หรือเพิ่มขึ้น 24.36% ขณะที่รายได้อื่นๆ ก็ปรับเพิ่มขึ้นจาก 574.25 ล้านบาท เป็น 631.67 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

“กำไรในไตรมาส 3/2562 ของ SAWAD แตะหลักพันล้าน ถือว่าเป็นการทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่หรือ New High ซี่งก็เป็นผลมาจากการที่พอร์ตลูกหนี้เติบโตต่อเนื่อง จากนโยบายหลักของบริษัทที่มีการขยายสาขาต่อเนื่องให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ บริษัทตั้งเป้าว่าจะขยายสาขาให้ได้ จำนวน 4,200 สาขา ในปี 2563”นางสาวธิดา กล่าว

สำหรับตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในงวดสิ้นสุดเดือน กันยายน 2562 ก็ปรับตัวลดลงเหลือระดับ 4.31% จากงวดเดียวกันของปี 2561 ที่มีเอ็นพีแอลในระดับ 5.02% การปรับลดลงของเอ็นพีแอล เนื่องจากบริษัทมีระบบการบริหารหนี้และติดตามหนี้มีประสิทธิภาพ ขณะที่มีหนี้สูญและค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 164.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.27 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 115.35 ล้านบาท ซี่งเป็นผลมาจากการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ

“การดูแลลูกค้าที่ผิดนัดชำระ SAWAD จะเน้นการเจรจา และมีการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ลูกค้าทั้งหมดอยู่ในช่วงเวลาการค้างชำระสูงสุดไม่เกิน 90 วัน” นางสาวธิดา กล่าว

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานโค้งสุดท้ายของปี 2562 บริษัทก็ประเมินว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไร เนื่องจากบริษัทยังมีการขยายสาขาต่อเนื่อง และลูกค้ายังมีความต้องการใช้เงิน ทั้งในส่วนที่เติมสภาพคล่อง และส่วนที่ต้องการขยายกิจการ โดยตั้งเป้าหมายว่ารายได้จะเติบโตประมาณ 20% – 30%